สำหรับแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ จะยังคงขับเคลื่อนแบรนด์ด้วย 2 กลยุทธ์หลัก พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มสินค้าสร้อยข้อมือและชาร์ม ขยายกลุ่มสินค้าประเภทแหวน ต่างหู สร้อยคอและจี้ให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นและใช้กลยุทธ์ “ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง” มาสร้างประสบการณ์และความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 ยังรุกตลาดด้วยการเปิดตัว 2 คอลเลคชั่นใหม่ ประเดิมด้วย “PANDORA REFLEXIONS” สร้อยข้อมือและชาร์มสุดโมเดิร์น ที่ผสานแฟชั่นและฟังก์ชั่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ครั้งแรกกับการพลิกโฉมความคลาสสิกของแพนดอร่าให้มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์รูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน มีวัสดุให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ PANDORA Shine(สีทอง) PANDORA Rose (สีชมพู) และ PANDORA Moment (สีเงิน) มาพร้อมชาร์มแบบคลิปออนที่สามารถถอดเข้าออกเพื่อปรับเปลี่ยนได้อย่างง่าย สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ วางจำหน่ายแล้วที่ร้านแพนดอร่าทุกสาขา พร้อมเตรียมส่งคอลเลคชั่น “PURELY PANDORA” ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
“ด้วยการขับเคลื่อนแบรนด์ตามกลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ในปีนี้แพนดอร่ามีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 34 สาขา สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นทั้งกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทยถึง 85% และต่างชาติ 15% มั่นใจสิ้นปีแพนดอร่าเติบโต 28% และผลักดันให้ผลประกอบการรวมของบริษัทฯ เติบโต 27% พร้อมเผยแผนการดำเนินงานในปี 2562 จะยังคงเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแนวโน้มตลาดไลฟ์สไตล์จิวเวลรี่ที่ยังคงมีการเติบโตได้ดี พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเล็งขยายธุรกิจกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนเมือง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่นจากต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2563 แพนดอร่าจะมียอดขาย 1,200 ล้านบาท และสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามแผนโรดแม็บอีกด้วย” ธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย