Spaces (สเปซเซส) ผู้บุกเบิกออฟฟิศพร้อมใช้งานแบบครบวงจรสุดสร้างสรรค์ระดับโลก เผยการทำงานที่ยืดหยุ่นและการใช้พื้นที่ทำงานร่วมกันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล เห็นได้จากผลสำรวจล่าสุดพบว่าจำนวนร้อยละ 51 ของเจนเนอเรชั่นเกิดก่อน พ.ศ. 2507 และร้อยละ 49 เจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 ต่างต้องทำงานจากนอกสถานที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของสัปดาห์
ยุคดิจิทัลทำให้ผู้คนในทุกช่วงอายุสามารถทำงานได้จากที่ต่างๆ ทั่วโลกได้ง่ายดายกว่าเดิม จึงส่งผลให้ความต้องการสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่นนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดของ Spaces ยังเผยอีกว่าแม้จะเป็นผู้บริโภคสายดิจิทัล แต่คนกลุ่มนี้ยังมีความต้องการการพบปะสื่อสารแบบส่วนตัว โดยจำนวนกว่าร้อยละ 59 ของคนในเจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 นั้น เชื่อว่าสถานที่ทำงานที่ช่วยมอบความยืดหยุ่นได้จะช่วยให้เหล่าพนักงานสามารถพัฒนาทักษะใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้นจากโอกาสในการพบปะหรือทำงานร่วมกันกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ในขณะที่กลุ่มเจนเนอเรชั่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวในอัตราร้อยละ 42
Spaces ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการสร้างวัฒนธรรมและดึงดูดผู้คนให้มาใช้บริการพื้นที่ทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง โดยในปีนี้บริษัทที่ก่อตั้งโดยชาวดัตช์กำลังจะเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้ง Spaces แห่งแรกในกรุงอัมสเตอร์ดัมเมื่อ พ.ศ. 2551 ปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้วกว่า 120 สาขา ใน 39 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงเมื่อไม่นานมานี้ได้ขยายสาขาเพิ่มเติมใน ฮ่องกง ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส และอีกหลายสาขา
มาร์ติน รอร์ดิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Spaces กล่าวว่า “เนื่องจากทัศนคติที่มีต่อสถานที่ทำงานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความคาดหวังของพนักงานทุกคนในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานเพื่อการให้เติบโตขององค์กรจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม”
เหล่าคนทำงานในหลากหลายช่วงอายุต่างมีมุมมองที่ชื่นชอบสถานที่ทำงานที่สามารถมอบความยืดหยุ่นในการทำงานได้อย่างแตกต่างกัน ซึ่งผลการสำรวจได้ชี้ให้เห็นว่าเจนเนอเรชั่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 มองว่าสถานที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดี แต่ในขณะเดียวกันเจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 ชื่นชอบสถานที่ทำงานที่ให้ความยืดหยุ่นเพราะสามารถช่วยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น
ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลการสำรวจล่าสุด มีดังนี้
-
กลุ่มคนในเจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 (ร้อยละ 67 ) ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจมากกว่าเจนเนอเรชั่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 (ร้อยละ 58)
-
ร้อยละ 55 ของกลุ่มคนเจนเนอเรชั่นก่อน พ.ศ. 2507 คิดว่าการทำงานได้จากสถานที่ต่างๆ ช่วยให้เกิดความคิดที่สร้างสรรค์ได้มากกว่าการนั่งประจำอยู่ในออฟฟิศ ซึ่งอัตราเฉลี่ยของกลุ่มเจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 มีจำนวนสูงถึงร้อยละ 68
-
กลุ่มคนส่วนใหญ่ในเจเนอเรชั่นหลัง พ.ศ. 2523 ต่างมองว่าสถานที่ทำงานที่มอบความยืดหยุ่นนั้นช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการเริ่มต้นโปรเจ็กต์ใหม่ๆ (ร้อยละ 67) เมื่อเทียบกับคนเจนเนอเรชั่นก่อน พ.ศ. 2507(ร้อยละ 55)
การวิเคราะห์ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ช่วยผลักดันให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงาน โดยผลการสำรวจพบว่า:
-
กลุ่มเจนเนอเรชั่นที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 มักรู้สึกว่าบริการเครื่องดื่มในพื้นที่สำนักงานเอื้อให้การทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น (ร้อยละ 23) เมื่อเทียบกับกลุ่มเจนเนอเรชั่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 (ร้อยละ 13)
-
กลุ่มคนในเจนเนอเรชั่นหลัง พ.ศ. 2523 ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wi-Fi) มากถึงร้อยละ 78 แต่ในกลุ่มเจนเนอเรชั่นที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 กลับให้ความสำคัญกับระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คมากถึงร้อยละ 85
เหล่าผู้นำธุรกิจได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ด้านการมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นนายจ้างที่ดี:
-
ร้อยละ 72 ของผู้ที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 คิดว่าการที่บริษัทเลือกวิธีการทำงานในแบบที่มีความยืดหยุ่น จะสามารถช่วยผลักดันให้พนักงานเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับผู้คนที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507
-
ร้อยละ 84 ของพนักงานที่เกิดหลัง พ.ศ. 2523 เชื่อว่าการทำงานที่ยืดหยุ่นนั้นช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสรรหาและรักษาพนักงานระดับหัวกะทิไว้ได้ เมื่อเทียบกับคนที่เกิดก่อน พ.ศ. 2507 ที่มีอัตราเพียงร้อยละ 75