ด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ภายหลังการเซ็นสัญญาร่วมมือกับ JD.com เมื่อปลายปีก่อน เกิดเป็นเว็บไซต อีคอมเมิร์ซ JD.co.th ของเจดี เซ็นทรัล (JD Central) ที่ได้ทดลองเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน และมีความพร้อมทั้งระบบจัดส่งสินค้า การชำระเงิน การให้บริการลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่าประทับใจ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้กว่า 5 แสนรายการ จาก 4,000 แบรนด์ พร้อมข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่นอีกมากมาย นอกจากนี้ JD Central ในประเทศไทยยังอยู่บนเว็บไซต์นานาชาติของ JD.com ที่มีความพร้อมในด้านระบบการขนส่งสินค้าระดับโลก ทำให้แบรนด์สินค้าหรือผู้ประกอบการไทย มีโอกาสในการขยายธุรกิจและเข้าถึงลูกค้าทั้งในประเทศจีนและลูกค้าทั่วโลก อีกด้วย
ทศ จิราธิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การที่กลุ่มเซ็นทรัลเติบโตขึ้นในทุก ๆ ด้าน ส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากนโยบายทางเศรษฐกิจ และแนวทางต่าง ๆ ของภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การสื่อสาร และการคมนาคมของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ทำให้ยอดการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุกประเภทสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหาร นอกจากนี้การที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ก็ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าและโรงแรมของกลุ่มเซ็นทรัล ส่วนยอดขายออนไลน์ก็เติบโตขึ้นมาก เนื่องมาจากเทรนด์ออมนิแชแนลและบริการออนดีมานด์ ซึ่งเชื่อได้ว่าธุรกิจนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการขนส่งสินค้า
“อีกหนึ่งสัญญาณด้านบวกของประเทศไทย คือ การที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนครั้งใหญ่ในด้านคมนาคม ด้วยเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการขยายทางด่วน พัฒนารถไฟความเร็วสูง เพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่ง และโครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ภาคบริการสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต และเกิดความเชื่อมโยงระหว่างเมืองต่าง ๆ ต่อยอดเป็นความมั่นคงในธุรกิจค้าปลีกและพาณิชย์ทั่วประเทศ
“การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งนี้ เป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโต โดยเฉพาะภาคบริการ และช่วยให้ประชากรกว่า 20 ล้านคนพ้นจากความยากจนในอาชีพเกษตร ด้วยการสนับสนุนให้เหล่าเกษตรกรหันมาประกอบอาชีพด้านบริการและอุตสาหกรรม ซึ่งนโยบายทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศไทยให้ก้าวพ้นจากประเทศรายได้ระดับปานกลางสู่ประเทศรายได้สูงในอนาคต”