“ทุก Social Media มีความสำคัญเหมือนกันหมด แตกต่างกันเพียงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น เช่น Facebook มีไว้สำหรับสื่อสาร Content ที่เป็นทั้งข้อความ รูปภาพและวิดีโอ โดยจุดประสงค์หลักที่แบรนด์ใช้ช่องทาง Facebook ก็เพื่อสร้าง Brand Awareness ที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ ส่วนของ YouTube เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสาร สื่อโฆษณาที่เป็นวิดีโอ Twitter จัดเป็น Social Media ที่ใช้สำหรับแจ้งข่าวสาร โพสต์ข้อความสั้นๆ เน้นความเรียบง่ายและรวดเร็ว สุดท้าย คือ IG เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับสื่อสาร Content ที่เน้นรูปภาพและวิดีโอเน้นความสัมพันธ์แบบทางเดียว”
คุณกิตติยา เล่าว่าสำหรับ Jele Beautie เลือกใช้ 2 ช่องทาง คือ Facebook และ YouTube เพราะเป็น 2 ช่องทางที่เข้าถึงกลุ่ม Target ของ Jele Beautie มากที่สุด โดย Facebook ใช้สำหรับการสร้าง Awareness รวมถึงการสร้าง Engage ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ส่วนของ YouTube ใช้สื่อสารโฆษณาเป็นการตอกย้ำแบรนด์สู่ผู้บริโภคโดยตรง
กลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ Jele Beautie ผ่าน Social Media คุณกิตติยา เสริมว่าสิ่งสำคัญ คือ ต้องทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมายก่อน
“กลุ่มเป้าหมายของเรา คือ กลุ่มวัยรุ่นที่รักสุขภาพ เราจึงใส่ใจในรายละเอียดของการผลิต Content โฆษณาที่มีคุณภาพเป็นประโยชน์โดนใจวัยรุ่นและเข้ากับกระแสสังคมในปัจจุบัน สิ่งต่อมาเราให้ความสำคัญกับผู้บริโภคโดยมีการจัดแคมเปญต่างๆ ให้ร่วมกิจกรรมผ่าน Social Media เช่น กิจกรรมการโพสต์ภาพการออกกำลังกายกับ Jele Beautie พร้อมติดแฮชแท็กข้อความต่างๆ เพื่อลุ้นรับของรางวัลและการมีส่วนร่วมสร้าง Traffic และปริมาณ Engagement ให้คนรู้จักแบรนด์ Jele Beautie มากขึ้น”
ล่าสุด Jele Beautie ประสบความสำเร็จกับแคมเปญ “หุ่นดีชีวิตดี๊ดี” แคมเปญที่สร้างแรงบันดาลใจให้วัยรุ่น โดยดึง BNK48 กลุ่มนักร้องชื่อดังเข้ามาสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ให้มีพลังในการทำชีวิตให้ดี มีโลกที่สดใสซึ่งการเลือก BNK48 เข้ามาร่วมแคมเปญในครั้งนี้ช่วยสร้าง Engagement จำนวนมากให้กับทางแบรนด์เป็นอย่างดีรวมถึงส่งผลให้ยอดขายพุ่งจนสินค้าขาดตลาดถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์สำหรับ Jele Beautie
แต่อย่างไรก็ดี คุณกิตติยา กล่าวว่า Key Success ในการใช้สื่อสารผ่าน Social Media ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพียงแค่การใช้พรีเซ็นเตอร์ แต่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ข้อ
“เรามองว่าการสื่อสารผ่าน Social Media ให้ประสบความสำเร็จจะต้องประกอบไปด้วย Product ที่แข็งแรงที่คนมั่นใจได้จริงๆ สอง คือ Target Group กลุ่มเป้าหมายต้องชัดเจนว่าเรากำลังสื่อสารกับใคร สามตัวแทนศิลปินที่ใช้ต้องเป็นคนที่อยู่ในกระแสจริงๆ อย่างการใช้คิมเบอร์ลี่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ นอกจากการที่เป็นดาราดังแล้ว ยังเป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่มีแรงบันดาลใจในการทำให้ตัวเองมีหุ่นที่ดีด้วย สุดท้ายคือเรื่องของช่วงเวลาที่เหมาะสมตัวแทนศิลปินที่เราใช้ต้องถูกช่วง ถูกกลุ่มเป้าหมายอย่างที่เราใช้น้องๆ BNK48 ในตอนนี้ซึ่งเขากำลังมีกระแสเป็นอย่างมาก ทั้ง 4 ข้อนี้จะทำให้การสื่อสารได้รับการตอบรับที่ดี”
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าแม้เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้ช่องทาง Social Media แทนการพบปะพูดคุยแบบเดิมในการติดต่อสื่อสารหรือรับสารมากขึ้นซึ่งในอนาคตจะส่งผลทำให้ผู้บริโภคเหล่านี้มีปริมาณการเสพสื่อที่มากขึ้นด้วย ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถดูสื่อต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้แบบ Real Time นั่นหมายความว่า ทีวีแทบไม่มีความหมายเหมือนเมื่อก่อน แต่คุณกิตติยายอมรับว่าส่วนของทีวีเราก็ยังไม่ได้ละทิ้ง สัดส่วนการใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์ยังเท่ากันอยู่ที่ 50 - 50 ในอนาคตช่องทางออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนของออฟไลน์ก็ยังเป็นตัวที่ช่วยสร้างการรับรู้ในระดับ Mass ได้มากกว่าดังนั้นจึงต้องทำทั้ง 2 ช่องทางให้ผสมผสานกัน
ล่าสุด เจเล่ บิวตี้ ออกสินค้าไลน์ใหม่ เป็นเจเล่ บิวตี้ สูตรน้ำตาลน้อย ผสมส้มแขก โดยหนังโฆษณาใช้เป็น theme หนังอินเดีย
“การทำหนังโฆษณา TVC จะเป็นภาพใหญ่ที่ช่วยสร้าง Awareness ส่วนของออนไลน์จะเป็นการตอกย้ำ ดังนั้นการทำคอนเทนต์ ในส่วนของออนไลน์ความท้าทายคือทำอย่างไรให้คนดูเรา ไม่กดข้ามเรา เรื่องของครีเอทีฟและกระแสจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด่านแรกที่จะดึงคนเข้ามาดูเรา จากนั้นการจะรักษาฐานคนที่เข้ามามี Engagement กับเรา ในสเตปต่อมาก็คือ เราต้องมีกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อเล่นกับผู้บริโภค ต้องทำให้ตัวเองมีกระแสอยู่ตลอดเวลาถึงจะดึงให้เขาอยู่กับเราไปในระยะยาว”
“ความท้าทายในการรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเราก็ต้องคอยดูให้เหมาะกับกระแสสังคม เพราะตอนนี้กระแสมันมาไวไปไวทุกวันในแง่ของยอดขายเราเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้วและเราต้องรักษาต่อไปโดยการตอกย้ำเรื่องของความสวยอิ่มท้อง รวมถึงต้องพัฒนา Product และการสื่อสารของเราไปพร้อมกับกลุ่ม Target ที่โตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นเดียวกัน” คุณกิตติยา กล่าวปิดท้าย