หลังจากที่ทีมงาน BrandAge Online ได้รับเกียรติจากบาจา ให้เข้าร่วมงาน Bata Fashion Weekend 2018 เราก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ Roberto Longo - President of Asia Pacific เกี่ยวกับเป้าหมายของการจัดงาน รวมถึงเรายังใช้โอกาสนี้พูดคุยเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทยจากมุมมองของผู้บริหารระดับ Asia Pacific

ซึ่งทำให้เราได้รู้เบื้องหลังหลายๆ อย่าง นอกจาก นางแบบ และนายแบบที่เดินบนรันเวย์ในงาน Bata Fashion Weekend 2018 ลองไปอ่านกันดูนะครับ

Q: มองเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของตลาดใน Thailand อย่างไร

A: แน่นอนว่าตลาดในประเทศไทยนั้นมีความสำคัญมากสำหรับแบรนด์ Bata เมื่อย้อนเวลาไปตอนนั้น ตอนที่แบรนด์เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณช่วงปี 1930

ในตอนนี้ Bata เองก็มีเครือข่ายสาขาต่างๆ มากมายกว่า 250 สาขาในเอเชีย แล้วก็เห็นว่าการดำเนินการต่างๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงผลประกอบการก็ให้ผลกำไรที่ดี โดยเราก็หวังที่จะมีกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพยายามที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าไปในตลาดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้นกลุ่มลูกค้าที่เราจะเน้นมากยิ่งขึ้น ก็คือกลุ่มของผู้บริโภคที่เป็นสุภาพสตรี เพราะว่าเป็นกลุ่มที่มีความเป็นแฟชั่น ตามกระแส แต่ก็ยังต้องการความสะดวกสบายในการสวมใส่เช่นกัน ทำให้แบรนด์ต้องการที่จะมอบประสบการณ์ตรงนี้ไปให้ เพราะนอกเหนือจากการออกแบบดีไซน์แล้วนั้น เรื่องของความสะดวกสบายในการสวมใส่ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงการบริการที่เหนือกว่าอย่างแตกต่าง นั้นคือเหตุผลที่จะทำให้พวกเขากลับมาหา Bata อีกครั้ง

Q: Market Growth ใน Asia โดยเฉพาะในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง

A: ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในไทยเองมีการเติบโตที่ดี ทำให้สามารถมองเห็นถึงอนาคตที่ดีข้างหน้าได้ไม่ยาก เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างโอเค จึงมองได้ว่าสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วนั้น สามารถที่จะเป็น Growth Engine ลำดับต่อไปได้เช่นกัน

Q: ทำไมถึงเลือกจัด Fashion Weekend ที่ Milan

A: จริงๆ แล้ว Country of The Shoes คือฉายาของประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้ และเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศิลปะ การออกแบบดีไซน์ และสถาปัตยกรรมต่างๆ อย่างที่ทราบกันว่า ที่นี้ล้นหลามไปด้วยแบรนด์ชื่อดังมากมาย อย่างเช่น Dolce & Gabbana และ Prada เป็นต้น

อิตาลีเป็นประเทศที่ดีที่สุดแล้วในการจัดงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทางและที่ตั้งของงาน และการเป็นเมืองที่รวบรวมไปด้วยแรงบันดาลใจต่างๆ มากมาย นอกจากนั้น เมื่อทุกคนสามารถได้รับรู้และได้ดูเกี่ยวกับ Fashion Weekend แล้ว แบรนด์ยังอยากจะให้ทุกคนได้แรงบันดาลใจจากงานนี้อีกด้วย เพื่อจะได้รับรู้และสัมผัสถึงบางอย่างที่แตกต่างจากทางแบรนด์

Q: อะไรคือแนวคิดหลักของงานในครั้งนี้

A: เราต้องการให้บาจามีความ Fresh อยู่ตลอดเวลา และแสดงให้เห็นว่าบาจากำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิม งานนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำหรับลูกค้าทั่วโลก ในการทำให้แบรนด์ผูกกับศิลปะ ดีไซน์ บนรองเท้า เพราะนั่นคือเนื้อเเท้ของแบรนด์บาจา นั่นคือแนวคิดของงาน ซึ่งในปีนี้เราได้ตกผลึกว่าสิ่งที่เราจะพูดคือเรื่องของ ME&COMFORTABLE WITH IT อย่างที่บอกก็คือ บาจา ต้องการส่งมอบพลังให้กับผู้สวมใส่ ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและเป็นตัวของตัวเองในแบบที่พวกเขาเป็น

ทำให้ลูกค้าปราศจากความกลัวเพราะเราจะทำให้ข้อบกพร่องกลายเป็นจุดเเข็ง ที่มาพร้อมกับความมั่นใจ กล้าที่จะเลือกบาจาเป็นรองเท้าของคุณ

Q: งาน Fashion Weekend นี้จะถูกจัดขึ้นทุกปีไหม?

A: จริงๆ แล้ว Bata ก็ได้มีการจัดงานแบบนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง สำหรับ Fashion Weekend ครั้งแรก ในตอนนั้นถูกจึดขึ้นในกรุง Plague ของประเทศ Czech Republic นั้นเอง ซึ่งแบรนด์เองก็มองว่า Plague ต่างก็เป็นของ Initial Destination สำหรับใครหลายคน ซึ่งเหมาะสมกับการเริ่มต้นที่ดี และแบรนด์ก็ได้มองถึงความเป็นไปได้ในการที่จะจัดงานนี้ที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วยเช่นกัน

Q: เป็นไปได้ไหมถ้าจะมีการจัดงานนี้ใน Asia

A: แน่นอนที่สุด คิดว่าคงอีกไม่ช้าก็นาน เอเชียเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญมาก บวกกับการมีกลุ่มฐานผู้บริโภคที่ดี และการมีสาขาต่างๆ มากมายในเอเชีย อย่างใน Thailand ก็มีมากกว่า 150 สาขา ใน Malaysia อีกกว่า 250 สาขา ใน Singapore อีก 40 สาขา และใน Indonesia อีก 500 สาขา ไหนจะในที่ Philippines และ Vietnam อีก และอย่าลืมว่าแบรนด์เองก็เป็น Global Company เช่นกัน

Q: การจัดงานในครั้งนี้ส่งผลต่อ Brand Preposition และ Brand Image อย่างไรบ้าง

A: ความตั้งใจของแบรนด์ในการจัด Fashion Weekend ในครั้งนี้ก็คือการสร้าง Brand Equity และ Customer Awareness ให้ได้มากที่สุด ในหลายๆ ครั้งที่ลูกค้ามองเราผิดไป อย่างลูกค้าใน สิงคโปร์ก็มองว่า Bata เป็นสินค้า Back to School แต่ในความเป็นจริงแล้ว Bata เป็นมากกว่า Back to School เพราะแบรนด์เองก็มี Modern Collection ใหม่ๆ มากมายที่เปิดตัวในประเทศไทย มาเลเซีย หรือแม้แต่สิงคโปร์

และในวันนี้ อย่างที่ทุกคนเห็นว่าบาจามี Fashion weekend ใน Milan แน่นอนว่าบาจาให้ความสำคัญกับเรื่องของแฟชั่นและการออกแบบมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลนี้แบรนด์ถึงมี International Design Center ทั้งใน Santiago ของประเทศ Chille ที่กรุง Prague ประเทศ Czech Republic ใน Singpore รวมถึงใน Italy ที่คอยทำหน้าที่วิเคราะห์ Market Trend ทั้งในแบบ Global Trend และการ Market Customization และนี้ก็เป็นสิ่งที่เราภูมิใจมากๆ

ทุกวันนี้สุภาพสตรีได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญของแบรนด์แล้ว พวกเขาคือ Major Target ที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแบรนด์ก็ยังไม่ลืมกลุ่มของเด็ก และลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

Q: คิดว่า Co-Brand Collaboration มีความสำคัญหรือไม่?

A: ไม่ใช่แค่แบรนด์ Bata เท่านั้น ที่ลูกค้าจะได้เห็นเวลาเข้าไปในร้าน Bata Store เพราะยังมี Co-Brand ในร้านอีกมากมาย แต่ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม ทุกแบรนด์ล้วนแต่มีการออกแบบดีไซน์ที่ดี นอกจากนั้นแล้ว แบรนด์ยังพยายามที่จะส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน พร้อมกับความ Unique ที่แตกต่างกันออกไป

Q: คิดอย่างไรในการทำให้ Bata เป็น Brand Love

A: แน่นอนว่า Bata ต้องการที่จะเป็นแบรนด์ลำดับต้นๆ เมื่อเวลาลูกค้านึกถึง ถ้าพูดถึงรองเท้าหรืออยากซื้อรองเท้า Bata ก็ต้องการเป็นแบรนด์ในใจสำหรับลูกค้าหลายๆ คน โดยถ้าพูดถึงรองเท้าที่สวมใส่สบาย มีคุณภาพและมีสไตล์ Bata ก็ต้องการเป็นหนึ่งในนั้น

จะเห็นว่าทิศทางของบาจาเบนเข็มมาพูดถึงเรื่องของดีไซน์แต่ก็ยังคงเน้นในเรื่องการสวมใส่ที่สบาย ซึ่งเป็นจุดเเข็งของบาจาในฝั่งของผลิตภัณฑ์

ส่วนฝั่งของแบรนด์ แม้ว่ายังมีจุดอ่อนอีกมาก แต่ Movement ของงาน Event ระดับโลกอย่าง Bata Fashion Weekend 2018 น่าจะเป็นตัวช่วยทำให้ผู้บริหารให้แต่ละประเทศมีความมั่นใจและเดินตามวิสัยทัศน์ของบาจาบนเส้นทางเดียวกัน