ยกตัวอย่างเช่น ในการผลิต กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนควรร่วมกันสร้างระบบ Supply Chain อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง IoT, Big Data, AI และ Blockchain เพื่อให้การทำงานมีความสอดคล้องหรือสัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสามารถคาดการณ์ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังคงทำการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ Internal Combustion Engine (‘ICE’) เป็นหลัก ก็สามารถใช้ระบบการผลิตที่ยืดหยุ่นโดยการปรับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้สามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งต้องคำนึงถึงต้นทุนที่เป็นปัจจัยร่วม โดยการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรและเครื่องมือที่มีอยู่ เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนไปเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่มีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ยังใช้เครื่องจักรและเครื่องมือในกระบวนการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนในการเตรียมกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการนำเสนอสินค้า บริการ และพันธมิตรใหม่ๆ ให้รองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปโดยเร็ว
ในส่วนของผู้จำหน่ายรถยนต์ ก็ควรปรับบทบาทเป็นผู้ให้ความรู้เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมไขข้อกังวลใจต่างๆ รวมถึงการตั้งเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ในแบบ Omnichannel ที่เชื่อมโยงช่องทางต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยผสมผสานช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์ (Online) และการขายผ่านโชว์รูมและพนักงานขาย (Offline) และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายและการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุน