ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เผยว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา LINE ได้พิสูจน์บทบาทในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชีวิตดิจิทัลของคนไทยได้อย่างชัดเจน เปรียบเสมือนเมืองๆ หนึ่งที่มีประชากรเป็นผู้ใช้ เราได้เห็นผู้ใช้ดำเนินชีวิตอย่างสะดวกสบายผ่านบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์ม LINE ขณะเดียวกันในด้านหนึ่งเราก็รับฟังและเข้าใจ ‘ความรู้สึก’ ของผู้ใช้บางส่วนที่ชีวิตออนไลน์ของพวกเขาไม่มีความสุขอย่างที่เคย ทั้งจากที่ต้องเชื่อมต่อสื่อสารอยู่ตลอดเวลา รวมถึงขาดความเห็นอกเห็นใจและความเคารพซึ่งกันและกันบนโลกออนไลน์ในหลากหลายมิติ ซึ่งแม้จะเป็นเพียงบางส่วนแต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง Digital Well-being และการอยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่ดีบนโลกออนไลน์ในระยะยาว แคมเปญนี้ตอกย้ำการพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ Humanized Technology ของ LINE ที่เข้าใจพฤติกรรมและความรู้สึกของผู้ใช้อย่างแท้จริง”
แคมเปญ THE OFFLINE HOUR ด้วยแนวคิด LINE Digital Well-being ในระยะเริ่มต้นนี้ มุ่งนำเสนอ 2 ประเด็นซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายทั่วโลกจากการเพิ่มขึ้นของประชากรดิจิทัล
1. Social Detoxification: เทรนด์สุขภาพที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ จากการเว้นระยะจัดการชีวิตบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้คนตลอดเวลา การรับรู้ความคิดเห็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี ไปจนถึงการเสพเนื้อหาต่างๆ ที่มากเกินไป
2. Digital Empathy: เพราะความรวดเร็วบนโลกออนไลน์อาจจะทำให้เราลืมตระหนักถึง “ความเห็นอกเห็นใจบนโลกออนไลน์” ที่ต้องอาศัย “ความเคารพซึ่งกันและกัน” เป็นอีกหนึ่งทักษะชีวิตที่น่าสนใจในปัจจุบัน ซึ่งชวนให้ผู้ใช้งานฉุกคิดเมื่อสื่อสารในหลายๆ สถานการณ์ ทั้งช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้อยคำที่ชวนตีความผิดความหมาย การเผยแพร่เฟคนิวส์ ไปจนถึงโซเชียลบูลลี่ ฯลฯ
ติดตามรับชมภาพยนตร์โฆษณา Push To Think Button ได้บนช่องทางของ LINE ประเทศไทยในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป