"ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ อันส่งผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรากำลังพูดถึงธุรกิจมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ที่เป็นตัวกำหนดฐานรากอันสำคัญสำหรับผู้คนกว่า 100 ล้านคนที่ต้องการเลือกซื้อของสดของใช้ในอนาคต และเป็นสิ่งที่บริษัทของเราให้ความสำคัญเป็นหลัก เราเชื่อว่าลูกค้าควรมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย มาพร้อมกับคุณภาพสินค้า และการคัดสรรสินค้าที่ได้มาตรฐาน ในราคาที่ย่อมเยา ดังนั้น HappyFresh Supermarket จึงถือเป็นบริการที่จบครบที่เดียวสำหรับการซื้อของสดของใช้รายวันและรายสัปดาห์ให้แก่ลูกค้า และเราต้องการให้ทุกคนเข้าถึงบริการนี้ได้" Segarra กล่าวเสริม
"ประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่ผู้คนเปิดรับและคุ้นเคยกับการใช้งานอีคอมเมิร์ซเป็นอย่างดี ผนวกกับตัวเลือกการชำระเงินแบบดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้ผู้คนมั่นใจและมีความสะดวกสบายในซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เราเห็นพฤติกรรมการสั่งซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ของคนไทยได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่ การกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้าใหม่ภายในเดือนแรกที่ซื้อ และความถี่ของการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นอาทิตย์ละครั้ง นอกจากจำนวนการสั่งซื้อที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยอดขายต่อการสั่งซื้อก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน (1,200 ถึง 1,800 บาท)”