กลุ่มบริษัทสามารถแถลงทิศทางและโอกาสทางธุรกิจในปี 2022 มั่นใจผลประกอบการโดยรวมฟื้นตัวเป็นบวกถึงกว่า 60 % จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้วกว่า 22,000 ล้านบาท อีกทั้ง ยังตั้งเป้าในการประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาทในปี 22 ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังจะเร่งการฟื้นตัวของ SDC ด้วยการผลักดันธุรกิจทางด้าน Digital Lifestyle ในรูปแบบ Start up อย่างจริงจัง
วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวในการแถลงข่าว “ทิศทางธุรกิจและแนวทางพิชิตปีเสือ” ของกลุ่มบริษัทสามารถว่า
“ในปี 2022 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่จำนวน 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 60 % จากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกในหลายๆ ด้านมาช่วยเสริมความมั่นใจและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัท อาทิ นโยบายรัฐในการเร่งพัฒนา e-Government Services เพื่อรองรับบริการประชาชนในยุค New Normal จะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจทางด้าน Digital ICT Solutions ของกลุ่มสามารถเทลคอม ซึ่งมีความชำนาญในการคัดสรรเทคโนโลยีครบวงจรเพื่อให้บริการภาครัฐ และมีความพร้อมในนำเสนอบริการในรูปแบบ Outsourced Services เพื่อลดภาระในการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ และเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการประชาชน ปัจจุบันกลุ่มสามารถเทลคอมมีมูลค่างานในมือจำนวน 7,200 ล้านบาท โดยตั้งเป้าตั้งเป้าพิชิตโครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท
ปัจจัยบวกที่สอง คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการเดินทางจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังโควิดคลี่คลาย ซึ่ง CATS คือ หนึ่งในกลุ่มสามารถยูทรานส์ ที่ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ประเทศกัมพูชาได้เปิดให้มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ภายใต้ข้อกำหนด ตั้งแต่เดือน พ.ย ปีที่แล้ว ผ่านสนามบินนานาชาติ ทั้ง 3 แห่ง จึงส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีนและเวียตนาม ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา รัฐบาลจึงมีแผนที่จะเปิดให้บริการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ใช้บริการสนามบินอีกเป็นจำนวนมาก ถึง 3 แห่ง ประกอบด้วย DARA SAKOR , New Siem Reap และ New Phnom Penh ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่า CATS จะมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่เป็นบวกอย่างโดดเด่นในอนาคต
ปัจจัยที่สาม คือ ความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการพื้นฐานในประเทศ อาทิ โครงการที่เกี่ยวโยงกับพลังงานและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งบริษัทเทด้า ที่อยู่ภายใต้สายธุรกิจ Utilities & Transportation มีความ เชี่ยวชาญการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า การวางสายส่งไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือกว่า 3,300 ล้านบาท และคาดหมายว่าจะเพิ่ม Backlog ได้อีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทสามารถยูทรานส์ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาด เพื่อการลงทุนในอนาคต
ปัจจัยต่อมา คือ การเข้าสู่ชีวิตในยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ คือ โอกาสในการฟื้นตัวของ SDC โดยบริษัทจะมุ่งสู่การเป็น Digital Lifestyle Content Enabler อย่างเต็มตัว โดยอาศัยประสบการณ์ในการให้บริการ Content ทางด้านโหราศาสตร์ กว่า 25 ปี มาพัฒนา Horoworld Application ให้เป็น One stop Service ทางด้านโหราและความเชื่อ ประกอบด้วยบริการดูดวงสดออนไลน์, ดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ อีกทั้งยังเตรียมเปิดตัวอีกหนึ่ง Online service สำหรับสายบุญ ทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี ตลอดจนการบูชาวัตถุมงคลผ่าน Online Platform ได้กับทุกวัด ทุกสถานที่ศักด์สิทธิ์ โดยไม่ต้องเดินทาง ช่วยลดความเสี่ยงในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งทั้งสองบริการนี้จะเป็น Flagship ให้กับบริการ Lifestyle Content อื่นๆ ที่จะตามมา ในสายกีฬา สุขภาพ กิน ดื่ม เที่ยว และสายสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจดิจิตอลใหม่ๆ บริษัทจึงมีแผนในการจัดตั้งบริษัทในรูปแบบ startup ซึ่งขณะนี้ อยู่ในระหว่างการนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนที่ให้ความสนใจเป็นอย่างดี คาดว่าจะสามารถเปิดตัวบริษัทใหม่ได้ในไตรมาสสองปีนี้