OR Innovation
แยกโครงสร้างการทำงานอย่างชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยจัดตั้งทีม ORion เป็นพนักงานกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามา สร้าง New S-Curve Business หรือคิดค้นกระบวนการทำงานที่เสริมประสิทธิภาพของแต่ละ Business Unit ของ OR โดยเฉพาะ
“ทีม ORion มีหน้าที่แสวงหาธุรกิจที่แก้ไขปัญหาให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม พัฒนาจนกระทั่งออกมาเป็น Product หรือกระบวนการทำงานใหม่ เมื่อทำสำเร็จแล้วสามารถที่จะสเกลอัพเป็นอีกหนึ่งบริษัทย่อยของ OR หรืออีกทางหนึ่งนำมาส่งมอบให้กับ Business Unit ของ OR และจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ OR ขยายธุรกิจออกนอก Comfort Zone ได้”
ตัวอย่างที่เข้าไปแก้ Pain Point ของสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อมจนประสบความสำเร็จมาแล้ว คือ “โครงการไทยเด็ด” โดยเข้าไปสร้างระบบการผลิต ระบบโลจิสติกส์ เพิ่มช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับวิสาหกิจชุมชน เพื่อร่วมสนับสนุนและผลักดันเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ปัจจุบันมีสินค้าไทยเด็ดที่อยู่ในโครงการกว่า 250 ผลิตภัณฑ์ วางจำหน่ายในพีทีที สเตชั่น กว่า 140 แห่ง
ในเวลาเดียวกัน OR ร่วมกับ 500 TukTuks ตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ในนาม ORZON Ventures มูลค่าการลงทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ บริหารงานโดยกลุ่มบริษัท 500 TukTuks มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาและสนับสนุน Startup ใหม่ๆ ในระดับ Series A-B ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ OR และธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้กรอบ Mobility & Lifestyle อาทิ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว สุขภาพ รวมไปถึง Digital Lifestyle ต่างๆ
“เรามองว่า OR มีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน มี Ecosystem ที่พร้อม ในขณะที่ 500 TukTuks เป็นกองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพระดับ Top ของโลก มีโนว์ฮาวและเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วโลก ส่วนกลุ่มบริษัท Startup เป็นกลุ่มคนไฟแรงเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีศักยภาพการใช้เทคโนโลยี และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญมีจิตวิญญาณการเป็น ผู้ประกอบการ เมื่อ 3 จุดแข็งเข้ามาผนวกกันก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้บริษัท Startup เติบโตไปได้อย่างรวดเร็วจนไต่ระดับขึ้นไปเป็น ยูนิคอร์น ซึ่งเราตั้งเป้าหมายว่าภายใน 10 ปีนี้ ORZON Ventures จะเข้าร่วมทุนกับ Startup 15-30 ราย”
People + Planet + Prosperity = 3Ps Grow Together
ปีที่ผ่านมา OR ตั้งเป้างบลงทุนในช่วงระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) อยู่ที่ประมาณ 74,600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุนของธุรกิจน้ำมัน 34% ธุรกิจ ค้าปลีก 29% ธุรกิจในต่างประเทศ 22% และธุรกิจ New S-Curve 15%
“การลงทุนในสัดส่วนดังกล่าวจะทำให้อีก 5 ปีข้างหน้า OR จะก้าวสู่ธุรกิจที่ Beyond Fuel เต็มตัว เพราะปัจจุบัน EBTDA ในส่วนธุรกิจน้ำมันมีสัดส่วน 70% ธุรกิจค้าปลีก 25% และธุรกิจต่างประเทศ 5% เราคาดว่าเมื่อปรับพอร์ตการลงทุนใหม่แล้วจะทำให้ EBITDA ใน 5 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไป โดยธุรกิจน้ำมันจะอยู่ที่ 55-60% ธุรกิจต่างประเทศจะขยับขึ้นเป็น 13% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจใหม่ แน่นอนว่าเราจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า 2.5 ล้านต่อวัน มาจากการขยาย Product มากขึ้นในแพลตฟอร์ม พีทีที สเตชั่น และจำนวนสาขาที่มากขึ้นเป็น 2,500 สาขา รวมถึง Café Amazon 5,300 สาขาภายใน 5 ปี”
สำหรับแผนการต่อยอดธุรกิจในอนาคต คุณจิราพร กล่าวว่า จะส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกครอบคลุมซัพพลายเชน บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี พัฒนาผู้ร่วมธุรกิจให้เติบโตด้วยเทคโนโลยี และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พร้อมแสวงหาโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการเข้าเป็นหุ้น ส่วนกับผู้ประกอบธุรกิจเครือร้านอาหารสำหรับครอบครัวและร้านอาหารจานด่วน เปิดแนวคิด Cloud Kitchen ร่วมกับ LINE MAN Wongnai
อย่างไรก็ดี การปรับสัดส่วนดังกล่าวเท่ากับเป็นการตอกย้ำถึงนโยบายการให้ความสำคัญกับการเติบโตใน Triple Bottom Line นั่นคือ People Planet Prosperity ที่จะเติบโตไปพร้อมกัน โดยเชื่อว่าการโฟกัสไปที่ People และ Planet ย่อมทำให้เกิด Prosperity ตามมานั่นเอง
“OR เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับ Triple Bottom Line - People Planet Prosperity โดยเข้าลงทุนกับพันธมิตรและไม่เข้าไปครอบงำกิจการ แต่เปิดกว้างทุกกลุ่มให้เข้ามาทำธุรกิจแบบเติบโตร่วมกันกับเรา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนในทุกพื้นที่ที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่เน้นสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสร้างความเติบโตในระยะยาว”
คุณจิราพร กล่าวว่า OR มีการกำหนด KPI ทั้ง 3 ด้านอย่างชัดเจนภายในปี 2573 แบ่งเป็น
-
People วางเป้าหมายที่จะทำให้ 15,000 ชุมชน 12 ล้านคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
-
Planet วางเป้าหมายลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลง 1/3 หรือมากกว่า 33% เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อยของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเพิ่มการใช้พลังงานสะอา
-
Prosperity วางเป้าหมายให้คู่ค้า พันธมิตร และผู้คนที่ทำธุรกิจใน Value Chain ของ OR มากกว่า 1 ล้านรายมีกำไรและเติบโตไปกับ OR
“จากแผนการทำงานทั้งหมดย่อมชี้ให้เห็นทิศทางการรักษาความเป็นผู้นำตลาดในอีก 5 ปีข้างหน้าของเรา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือการวางบทบาทการเป็นผู้นำตลาดในการเข้าไปสนับสนุนพันธมิตร โดยใช้ประสบการณ์และศักยภาพของเราที่มีอยู่เข้าไปช่วยสนับสนุนในทุกๆ มิติ”
หากเปรียบ OR ในวันนี้เป็นประตูแห่งโอกาสก็จะเห็นว่าประตูบานนี้กว้างใหญ่มากแค่ไหน ทั้งยังเป็นลมใต้ปีกคอยส่งให้สังคมชุมชนเติบโตและไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม