ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อนาคต
การลงทุนครั้งนี้ คือพันธสัญญาของฟอร์ดในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพชั้นนำระดับโลกสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
การเพิ่มกะการทำงานที่โรงงานเอฟทีเอ็มส่งเสริมให้มีการจ้างงานเพิ่มเติม 1,250 ตำแหน่งทำให้ฟอร์ดมีจำนวนพนักงานในประเทศไทยรวมกว่า9,000 คน
ในเงินลงทุนจำนวนนี้ฟอร์ดได้สนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ด้วยเงินลงทุนกว่า400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว13,000 ล้านบาทเพื่อผลิตและยกระดับคุณภาพชิ้นส่วนด้วยแม่พิมพ์และอุปกรณ์การผลิตมาตรฐาน ก่อให้เกิดการจ้างงานของพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 250 ตำแหน่ง
ยกระดับความล้ำสมัยในทุกมิติ
การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้โรงงานฟอร์ดในประเทศไทยมีประสิทธิภาพการผลิตเทียบเท่าโรงงานระดับแถวหน้าของโลก เพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิตรถได้หลากหลายรูปแบบในสายการผลิตเดียวและยกระดับระบบและขั้นตอนการควบคุมคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัยมาใช้ พร้อมเสริมองค์ความรู้ให้แก่แรงงานไทย ทั้งนี้พนักงานฟอร์ดและผู้ผลิตชิ้นส่วนยังได้รับการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกด้วย
“การลงทุนครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราขับเคลื่อนกลยุทธ์Ford+ เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพระดับโลกที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง” มร. อังเดร คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มตลาดนานาชาติ และทวีปอเมริกาใต้ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
ฟอร์ดยังได้เพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวน 356 ตัว เพื่อเสริมกำลังการผลิตที่โรงงานเอเอทีและเอฟทีเอ็ม โดยหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นนี้ จะนำมาใช้ในส่วนงานประกอบตัวถัง และงานพ่นสีซึ่งจะทำให้ฟอร์ดมีจำนวนเครื่องจักรในส่วนงานประกอบตัวถังที่โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอที เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 เป็นร้อยละ 80 และร้อยละ 69 ตามลำดับ โดยพนักงานจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ล้ำสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัย ทำให้ฟอร์ดก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเทคโนโลยีตรวจสอบพื้นผิวหรือสแกนบ็อกซ์มาใช้ตรวจสอบรถทั้งคันในระหว่างขั้นตอนการประกอบรถได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนและรวดเร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่าเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ฟอร์ดได้ยกระดับความสามารถในการผลิตรถกระบะที่โรงงานเอฟทีเอ็มให้ครอบคลุมการผลิตรถรุ่นย่อยต่างๆ โดยโรงงานจะผลิตตัวถังรถกระบะได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แบบตอนเดียว ตอนครึ่ง และแบบ 4 ประตูได้ในสายการผลิตเดียว เพิ่มความคล่องตัวในการวางแผนและจัดสรรตารางการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด และลดระยะเวลาในการส่งมอบรถให้ลูกค้าอีกด้วย
นอกจากนี้ โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอทียังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมไปถึงการยกเลิกการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ
“ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงมีการส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้คน ต่อโลกใบนี้ และต่อฟอร์ดเอง” อังเดรกล่าว