อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ “ความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจ” ที่ช่วยผลักดันให้พนักงานภายในองค์กรมีแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในสิ่งที่เป็นการตอบแทนลูกค้าและชุมชนรอบข้าง โดยพนักงานแต่ละคนมีอิสระที่จะสร้างสรรค์ และนำเสนอความคิดริเริ่มของตัวเองที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ส่งผลให้ภารกิจด้าน CSR ของบริษัทถูกขับเคลื่อนจากความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจ พร้อมความปรารถนาดีจากแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง
ด้วยแนวคิด “พลังแห่งทางเลือก” (The Power of Choice) และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางพร้อมการให้บริการที่เหนือกว่า เพื่อมอบประสบการณ์ความหรูหราที่ดีที่สุด เสมือนเป็นการแสดงความขอบคุณให้กับลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับบริษัทด้วยบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายมิติ เช่น ศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง บริการรับส่งที่สนามบิน สิทธิพิเศษการเป็นสมาชิก BMW Excellence Club และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ
คุณอเล็กซานเดอร์ ยังมองว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโต และความสำเร็จอย่างยั่งยืนของบริษัท และสิ่งนี้ทำให้วัฒนธรรมองค์กรของบีเอ็มดับเบิลยูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
“สำคัญที่สุด คือการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจ ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร และสะท้อนคุณค่าที่พนักงานบีเอ็มดับเบิลยูยึดถือ การมีความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจในทุกเป้าหมายจะช่วยกระตุ้นให้ทุกคนสร้างหนทางใหม่ คิดอย่างสร้างสรรค์ และค้นหาแนวคิดใหม่ๆ ได้ การมีความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมทั้งมีแรงขับเคลื่อนอยากร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา ยังผลักดันให้พนักงานทุกคนเดินหน้าสร้างสรรค์บริษัทให้ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นในปัจจุบัน”
ความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจของบีเอ็มดับเบิลยู ตั้งอยู่บนค่านิยมหลัก 5 ประการ ได้แก่ ความรับผิดชอบ การเห็นคุณค่าของกันและกัน ความโปร่งใส ความไว้วางใจ และการเปิดใจยอมรับ โดยบีเอ็มดับเบิลยูเชื่อว่าการให้พนักงานมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำจะช่วยให้เกิดความมุ่งมั่น และสามารถทำงานให้บรรลุผลสำเร็จได้
คุณอเล็กซานเดอร์ กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยูมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 41.3% และยังครองตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถยนต์พรีเมียม ด้วยยอดการจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 7,759 คัน และมินิกว่า 841 คัน
นอกจากนี้ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งในส่วนของยอดการจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สำหรับบริการใหม่ๆ อาทิ บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ คาร์แชริ่ง (Car Sharing) บริการเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV)
ในส่วนของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูถึง 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า ในเดือนกันยายนปี 2564 การเพิ่มกำลังการผลิตโดยรวมนี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ และความมุ่งมั่นของการเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“เรายังนำเสนอสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3 รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100% All-Electric Sports Activity Vehicles (SAV) อย่างเป็นทางการ เพื่อเปลี่ยนนิยามประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตรูปแบบใหม่ในตลาดยานยนต์ประเทศไทย โดยบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport จะช่วยนำความสุขในการขับขี่ ความคล่องตัวแบบสปอร์ต และการออกแบบที่ล้ำสมัยโดยไม่ปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดถึง 630 กิโลเมตรในรอบการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP ในขณะเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport รุ่นใหม่ยังผสมผสานเอาสิ่งที่ดีที่สุดมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไดนามิกในการขับขี่ และคุณภาพระดับพรีเมียมของ บีเอ็มดับเบิลยู X3 พร้อมทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู eDrive รุ่นที่ 5 ด้วยระยะทางสูงสุดถึง 460 กิโลเมตรในรอบการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP”
อย่างไรก็ตาม คุณอเล็กซานเดอร์ ย้ำว่า การได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนโดยนิตยสาร BrandAge “2021 Thailand’s Most Admired Company” ในกลุ่มยานยนต์ ถือได้ว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งพนักงานทุกคนรวมทั้งผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็ม ดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทุกๆ ท่าน ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน และสามารถเติบโตได้ในระยะยาว อีกทั้งยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้านความยั่งยืนภายในองค์กร ให้ทุกหน่วยงานได้มีส่วนร่วมในการคิดและดำเนินงานเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนในทุกแนวทาง ประกอบด้วย เสาหลักด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ และธรรมาภิบาล พร้อมทั้งมีการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจนและให้คำมั่นสัญญาที่จะพัฒนาบริษัทในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
“แน่นอนว่าเราจะยังคงส่งมอบแนวคิด ‘พลังแห่งทางเลือก’ หรือ Power of Choice ให้กับลูกค้าของเรา และก้าวไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด พร้อมเป้าหมายที่ชัดเจนในอนาคต เราตั้งเป้าหมายที่จะจุดกระแสเรื่องการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และส่งมอบทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2022 ที่จะมาถึงนี้” คุณอเล็กซานเดอร์ กล่าว