นอกจากเรื่องของ Innovation ฟู้ดแพชชั่น ยังมุ่งมั่นบริหารงานโดยให้ความสำคัญกับการทำ Corporate CSR ซึ่งคุณชาตยา เสริมว่าถือเป็นหนึ่งในพันธกิจขององค์กร ที่มุ่งเติบโตไปพร้อมกับสังคมโดยเริ่มต้นจากพนักงาน
“พนักงานเราได้รับการปลูกฝังเรื่องของการทำงานเพื่อสังคมมาตลอด กว่า 90% ของกิจกรรม CSR เกิดขึ้นจากความคิดที่พนักงานนำมาเสนอ สำหรับฟู้ดแพชชั่น เราไม่ได้แค่ขายอาหาร แต่เราต้องการดูแลผู้คนให้มีความสุข ดังนั้นพนักงานของเรามักจะเสนอโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการ 7 วัน ทำดีรอบบ้าน อย่างพนักงานบางคนไปตัดผมเพื่อบริจาคให้กับผู้ป่วย บางคนไปช่วยวัด บางคนไปทำกับเด็ก มีกิจกรรมหนึ่งที่เป็นความภูมิใจของบริษัทและเราให้ความสำคัญมากๆ คือ การแก้ปัญหาแก้หนี้นอกระบบ โดยเราจับมือกับสตาร์ทอัพชื่อว่าโนบุโระ เพื่อช่วยให้พนักงานแก้หนี้นอกระบบได้”
ในแง่ของงานบริการธุรกิจอาหารอย่างฟู้ดแพชชั่นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการพัฒนา ปรับปรุง ขั้นตอนของการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของความสะดวกทั้งส่วนของลูกค้า และพนักงาน
“เรามีผลวิจัยออกมาว่าความต้องการของลูกค้าในอนาคตที่เขามองหาจากร้านอาหารมี 3 ส่วน คือ Hygiene ที่สูงขึ้น ดังนั้นเราจึงมี 20 ขั้นตอนในการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ตัวหลักเลยคือระบบการระบายอากาศเทียบเท่ากับเครื่องบิน สอง คือ Hyper Convenience ความสะดวก ซึ่งเรามีบริการ เช่น Pick Up Service, Take Home Service รวมไปถึง Party at Home Service ที่มีการยืมคืนกระทะ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปรับของคืน ซึ่งมีความสะดวกมาก สุดท้าย คือ Frictionless Digital การใช้งานแบบราบรื่นไม่สะดุด ซึ่งเราจึงมีการออกแบบการให้บริการผ่านความต้องการหลัก 3 เรื่องนี้”
วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งมีส่วนช่วยให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ฟู้ดแพชชั่น มี Higher Purpose หรือหน้าที่ขององค์กรที่พนักงานเรียนรู้ร่วมกันว่าจะเป็นองค์กรที่ดูแลผู้คน และโลกใบนี้ให้มีความสุขผ่านอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการจัดการวงจรที่สมดุล ขับเคลื่อนด้วย Data และ Innovation นอกจากนี้ คุณชาตยา ยังเสริมว่า ฟู้ดแพชชั่นมี Spirit แบบ Underdog ซึ่งนั่นทำให้องค์กรรู้สึกเสมอว่าต้องไม่หยุดที่จะพัฒนา
เรามองว่ายังมีคนเก่งกว่าเราอีกเยอะมากๆ เราต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ทั้งผู้บริโภค Ecosystem สิ่งแวดล้อมต่างๆ เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว รวมถึงคู่แข่ง ดังนั้นเราต้องพัฒนาตัวเอง และนำเสนอสิ่งใหม่ๆเสมอ อย่างที่ผ่านมา เราสร้าง Brand Dynamic ผ่านการ Collaboration กับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ซึ่งในปีนี้มีทั้งที่เป็น Cross Industry Partner ซึ่งก็สร้างความฮือฮาไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับอสังหาริมทรัพย์ ผู้ผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หรือการเพิ่มสินค้าใหม่ที่เราไม่เคยทำในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในเวลาที่เมืองถูกปิด ล่าสุดเรามี GON Truck ซึ่งออกไปทักทายลูกค้าในจุดต่างๆ ที่ใกล้บ้าน เช่น Community Mall ตลาดนัด ปั๊มน้ำมัน
สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจสำหรับปีหน้า ฟู้ดแพชชั่น วางแผนการทำงานไว้ 3 ส่วน คือการทำแกนธุรกิจหลักเราให้แข็งแรง พัฒนาต่อเนื่อง บริหารจัดการเรื่องของค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายคือการปรับเมนูใหม่อยู่เสมอ โดยใช้คอนเซ็ปต์ว่า Same Same but Surprise หมายถึงอาจจะไม่ได้เป็นเมนูใหม่ทั้งหมดเพราะลูกค้าเองยังต้องการความ คุ้นเคยแต่ต้องมีความแปลกใหม่
“เราจะมีการเชื่อมเรื่องของ CRM ก็คือกลุ่มลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ของเราให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ผ่านช่องทาง Touchpoint ที่เราลงทุนพัฒนาไว้แล้ว รวมถึงการทำ Personalize Marketing เพื่อให้โดนใจลูกค้า และมองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น New Business Model อย่าง GON Truck หรือ Frozen Product”
แม้วันนี้ ฟู้ดแพชชั่น จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 จากผลการสำรวจของผู้บริโภค แต่คุณชาตยาก็ยังมองว่ามีคนที่เก่งกว่าอยู่เสมอ ดังนั้นเรื่องที่ต้องตระหนักอยู่เสมอ คือการต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ่งที่ทำไปแล้วให้มากกว่าเดิมเพื่อความสำเร็จที่รออยู่ในวันข้างหน้า