รวมทั้งยังพัฒนาหุ่นยนต์ AIS 5G Robots เพื่อช่วยทางการแพทย์ เช่น ROBOT FOR CARE จำนวน 21 ตัว โดย AIS Robotic Lab ทยอยส่งมอบให้กับรพ. 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหมอพยาบาล ตรวจคัดกรองคนไข้ด้วยระบบอัจฉริยะ Thermoscan, ระบบปรึกษาทางไกลระหว่างคนไข้และหมอผ่าน Video CALL โดยที่หมอกับคนไข้ไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกันหรือสัมผัสใกล้กัน โดยสามารถบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ผ่าน 5G ช่วยแบ่งเบาภาระ ลดการแออัด และลดการเสี่ยงติดเชื้อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนของรีเทล เอไอเอสนำหุ่นยนต์ AIS 5G Robots จากเทคโนโลยี 5G มาคอยช่วยปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ ในบริเวณศูนย์การค้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าและพนักงานตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
แง่ของการสื่อสารเอไอเอสปล่อยโฆษณาเกี่ยวกับการขยายเครือข่าย 5G ครอบคลุมทั้งหมด 77 จังหวัด ด้วยการถ่ายทำแบบวิถีใหม่ใช้ศักยภาพของคนและเทคโนโลยีที่ส่ง AIS 5G Shooting Box ไปยังบ้านของพรีเซ็นเตอร์อย่าง เจมส์-จิ แต้ว เวียร์ เบลล่า และน้องปีใหม่ เพื่อใช้อุปกรณ์นั้นถ่ายทำโฆษณาเองที่บ้านกลายเป็นคอนเทนต์ที่ถูกพูดถึงค่อนข้างมาก
“เราได้ Voice of Customer ที่ดีมากจากโฆษณาตัวนี้ แม้จะถ่ายโฆษณาแบบปกติไม่ได้แต่เราใช้ความสามารถของเทคโนโลยีของคนและเทคโนโลยีที่เรามีสร้างโฆษณาชิ้นนี้ขึ้นมาซึ่งลูกค้าให้การตอบรับมากและรับรู้ในสิ่งที่เราต้องการบอกกับเขา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการพร้อมปรับตัวตลอดเวลาของเรา”
นอกจากนี้ ตอนครบรอบ 30 ปี เอไอเอสยังมีแคมเปญที่เรียกว่า “อุ่นใจ With YOU” มีการเปลี่ยนโฉมน้องอุ่นใจให้คนสามารถสัมผัสได้มากขึ้น มีความใกล้ชิดคนและสื่อสารกับคนได้มากขึ้น ซึ่งแคมเปญนั้นทำให้เอไอเอสได้รางวัล YouTube Ads Leader Board 2019 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่สื่อสารได้ตรงใจคนไทยทุกเจนเนอเรชั่นด้วย
“เราออกแคมเปญมาอย่างต่อเนื่องอย่างที่ทำร่วมกับลิซ่าและแบมแบมก็ได้รับความสนใจมากทำให้คนจดจำและพูดถึงเรา นอกจากนี้ช่องทางทวิตเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เอไอเอสสร้างเอนเกจได้ค่อนข้างมาก เราติดทั้งเทรนด์ทวิตเตอร์ในไทยและเทรนด์โลกนั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกค้าสนใจและเห็นสิ่งที่เราสื่อสารออกไปในแต่ละแคมเปญอย่างต่อเนื่อง”
คุณศิวลี เพิ่มเติมว่า Brand Purpose ของ AIS ที่บอกว่าเราเป็นเครือข่ายที่ดีวันนี้อาจจะไม่พอ ความเร็วเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพัฒนาเพราะเป็นพื้นฐานของธุรกิจสื่อสาร แต่สิ่งที่สำคัญคือเอไอเอสต้องเป็นเครือข่ายที่สร้างประโยชน์และสร้างความสุขให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าการอยู่กับเครือข่ายเอไอเอสสามารถเติมเต็มชีวิตได้
“ปัจจัยทั้ง 5 ที่เราได้คะแนนสูงสุดในเรื่องของ Business Performance, Corporate Image, Management, Corporate CSR และ Excellence Service มีความสำคัญเท่ากันหมด แต่ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของคน คนเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ขององค์กร ดังนั้น พนักงานจะต้องมีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกับองค์กร ทุกคนจึงต้องมีวัฒนธรรมหรือความรู้สึกเดียวกัน คือพร้อมที่จะปรับตัว คิดสิ่งใหม่ และไม่กลัวที่จะเรียนรู้ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ เรามีวัฒนธรรมองค์กรง่ายๆ 3 เรื่องคือ Fit Fun Fair สำหรับ Fit หมายถึงพนักงานต้องมีความฟิตอยู่ตลอดเวลา ต้องกระหายการเรียนรู้ใหม่ๆ ซึ่งบริษัทของเรามีกิจกรรมให้ความรู้อยู่เสมอ และต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงเพราะการมีสุขภาพที่ดีจะทำให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ Fun หมายถึงการให้พนักงานทำงานในสิ่งแวดล้อมที่สนุกและมี Passion กับงานที่ทำ เราเชื่อว่าถ้าเขามี Passion ก็จะสามารถส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดออกไปได้ Fair หมายถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนที่อยู่กับเรามากว่า 31 ปี และเป็นคนทำงานหลากหลายเจนเนเรชั่นได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมเพื่อให้คนแต่ละรุ่นได้เรียนรู้กันและกัน เหล่านี้เป็นวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
เป้าหมายและความท้าทายในปีหน้าของเอไอเอส คุณศิวลี มองว่า มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือเอไอเอสต้องพร้อมสำหรับเทรนด์และสิ่งใหม่อยู่เสมอ
“เราพูดกันถึงเรื่อง New Normal ก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันเป็น Normal ไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่ามันจะมี New Normal อีกกี่ครั้งแต่เรามองว่านั่นสามารถสร้าง New Ability บางอย่างให้กับเราได้ เราจึงมองว่าปัญหาไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่เป็นโอกาสในการทำให้เราค้นเจอความสามารถบางอย่างของเรา ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือ Do First, Learn Fast การทำการตลาดยุคนี้ ความเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะบางอย่างเราไม่สามารถรอได้ เราต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลาและไม่กลัวที่จะคิดในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน” ®