“รสชาติทั้ง 10 รส เราก็อยากให้รสอื่นๆ โตด้วย เราอาจจะต้องลองเอารสชาติอื่นๆ ไป Cross Consumer มากขึ้น ผ่านการสื่อสารและโปรโมชั่น”
ปัจจุบันช่องทางการสื่อสารหลักของ MACHO GELLO จะใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก คือ Facebook, Instagram และ LINE โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์จะเป็นกลุ่มผู้หญิงอายุเฉลี่ย 30 ปี รวมถึงกลุ่มผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่นิยมไอศกรีมชอบหวานน้อย และรสชาติชาเขียว
“กลุ่มคนอายุ 20-30 ยังมีให้เราเก็บอีกเยอะมาก ในอนาคตเราวางแผนจะขยายลงไปกลุ่มคนที่เด็กลงกว่านี้ ตอนนี้สื่อโซเชียลมีเดียบางสื่อก็ตีกรอบห้ามสื่อสารกับกลุ่มต่ำกว่า 20 แล้ว ทำให้เราสื่อสารยากขึ้น อาจจะต้องอาศัย KOL เฉพาะ แต่เรายังอยากทำกับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอยู่”
เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายในอนาคต วินนี่ อธิบายว่า เป้าหมายในระยะสั้นของ MACHO GELLO คือการขยายช่องทางการขายไปยังตลาดออฟไลน์ หรือร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ซึ่งในตอนนี้ก็เริ่มมีร้านอาหารติดต่อเพื่อขอนำไอศกรีมเข้าไปวางจำหน่ายในร้านอาหารบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ร้านอาหารที่ติดต่อมาก็จะเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อไอศกรีมไปกินแล้วติดใจในรสชาติ
“คนที่ทักมาส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่กินแล้วชอบ แต่ถ้าเป็นระยะยาว MACHO GELLO ก็อยาก จะทำ Collaboration กับแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ร้านอาหารดูบ้าง ส่วนการเปิดร้านหรือ Kiosk ก็อยู่ในแผน งานในอนาคต แต่ต้องดูสถานการณ์และความพร้อมด้วย ตอนนี้ขอยึดการขายผ่านออนไลน์ไปก่อน”
วินนี่ ยอมรับว่าการที่ทำงานในแวดวงโฆษณาและเอเจนซีนั้นมีส่วนที่ทำให้เข้าใจเรื่องเหตุและผล การเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงวิธีการสื่อสารอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
เมื่อถูกถามถึง Key Success ของ MACHO GELLO วินนี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงาน MACHO GELLO ใช้ความจริงใจในการพูดคุยกับลูกค้า เช่น การให้คำแนะนำหรือให้ข้อมูลที่เป็นความจริงทั้งหมด
“จริงๆ ในแง่การสื่อสาร มันจะมีวิธีการซ่อนอะไรบางอย่างตอนคุยกับลูกค้า แต่เราจะใช้การแนะนำจริงๆ ตอบอันไหนได้ ไม่ได้ เราบอกเรื่องจริงหมด เรื่องการลดน้ำตาลจริงๆ เรื่องการใช้วัตถุดิบนำเข้า100% เรื่องไม่ผสมสี ฯลฯ เราบอกข้อมูลที่เป็นความจริงทั้งหมด”