“ถามว่าตอนนี้เราเสียเปรียบเพื่อนบ้านหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าตลาดท่องเที่ยวทั่วโลกยังไม่ได้มีการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เลยด้วยซ้ำไป เพราะเรื่องการเดินทางยังไม่นิ่ง คนยังไม่สามารถเดินทางได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะฉะนั้นจะยังวัดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบไม่ได้
ถ้ามองในเชิงการแข่งขันถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่จะใช้ช่วงเวลานี้ในการเตรียมความพร้อมว่าเมื่อโลกเราเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เราจะสามารถเตรียมตัวเพื่อแข่งขันได้ ช่วงนี้เป็นเวลาที่สำคัญมากๆ เลย ซึ่งภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นหนึ่งในนวัตกรรมก็ว่าได้ที่จะทำให้เราเตรียมความพร้อม”
คุณศุภจี ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การ Kick Off โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าในเชิงตัวเลขโดยรวมจะไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าหลักเกณฑ์ที่วางไว้ตอนแรกมีความเหมาะ สมหรือไม่ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อม และเรียนรู้ด้านการวางระบบว่าจะต้องปรับเพิ่มหรือปรับลดอะไร เพื่อที่ว่าพอถึงช่วงฤดูการท่องเที่ยวจริงๆ ในเดือนหน้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี ให้ความเห็นว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวครั้งล่าสุดนี้ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายจากการมองแค่ตัวเลขนักท่องเที่ยวมาเป็นเน้นที่นักท่องเที่ยวคุณภาพแทน เนื่องจากในระยะแรกตัวเลขจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนสถานการณ์ปกติ
“พอตัวเลขนักท่องเที่ยวน้อยลงก็ต้องพยายามเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวแทน เมื่อก่อนค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยคือ 5,000-6,000 บาท ต่อคนต่อวัน เราต้องมาดูว่าจะทำอย่างไร เช่น เน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เช่น เอาการท่องเที่ยวที่เติมเรื่อง Wellness เข้าไปมาเป็นตัวดึงให้คนที่เข้ามาต้องใช้เงินในการท่องเที่ยวมากขึ้น หรือชูการท่องเที่ยววิธีธรรมชาติโดยดึงประสบการณ์การท่องเที่ยวท้องถิ่นมาเป็นตัวดึงเงิน เพราะว่าพอทุกประเทศเปิดประเทศ คนก็จะเดินทางกันมากมาย ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ถ้าเราสามารถนำเอาประสบการณ์ท้องถิ่นที่เฉพาะเจาะจงตามสถานที่ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปวัฒนธรรม ความสวยงามของธรรมชาติ และกิจกรรมท้องถิ่นของแต่ละชุมชนเข้ามาผวนกรวมก็น่าที่จะดึงเอาความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวได้ และดึงให้เขาอยู่ยาวขึ้น ใช้เงินกับเรามากขึ้น แทนที่ว่าจะมา 3-4 วันแล้วกลับ ก็อาจจะอยู่เพิ่มเป็น 7-14 วัน
เพราะฉะนั้นคนที่ดูแลในเรื่องของการท่องเที่ยวจะต้องย้อนกลับไปดูว่าเซ็กเม้นต์ไหนที่จะโฟกัส เซ็กเม้นต์ไหนของนักท่องเที่ยวที่คิดว่าเขายังสนใจและยังอยากที่จะมาเที่ยวประเทศไทย สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนก็ยังต้องเน้นเพราะเป็นตลาดสำคัญ แต่ตอนนี้จีนไม่ได้ส่งเสริมให้คนเที่ยวนอกประเทศ เราก็ต้องหาตลาดใหม่ เราก็ต้องเน้นการท่องเที่ยววิถีชุมชน, การท่องเที่ยวแบบ Wellness, การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์, ท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน เราก็ต้องเอามาทำโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการ”