วิลาสินี กล่าวต่อว่า ผลจากกลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้ยอดขายในปีที่ผ่านมาของอีฟ โรเช่ ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 95% และในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 105% ขณะที่ยอดขายโดยรวมของบริษัทเติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยที่ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ความงามติดลบถึง 11% ทั้งนี้หากเจาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม อีฟ โรเช่ มียอดขายเติบโตสูงกว่าตลาด 12 เท่า ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตสูงกว่าตลาด 3 เท่า โดยเป็นการเติบโตจากฐานลูกค้าใหม่ 23% ส่วนลูกค้าเดิมมียอดขายเพิ่มขึ้น 4%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ CRM Transformation โดยมุ่ง สร้างประสบการณ์ที่ง่ายและตรงใจลูกค้ามากขึ้นผ่านระบบ Marketing Automation for Personalized CRM พร้อมเปิดตัว Beauty Club บน Line OA เพื่อให้ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิก ตรวจสอบคะแนนและแลก Beauty Coins ได้ง่ายผ่านมือถือตลอดเวลา โดย Beauty Club เปิดตัวในเดือนมกราคม 2564 ปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 3 แสนราย
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ อีฟ โรเช่ ยังคงมุ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแบรนด์ DNA ชัดเจน ใน 4 แกนหลัก คือ Generosity (ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่), Positive Activist (จิตวิญญาณนักต่อสู้ในเชิงบวก), Rooted Entrepreneurial (หัวใจของความเป็นเจ้าของกิจการ) และ Honest (ความซื่อสัตย์จริงใจ) โดยมี ใหม่-ดาวิกา โฮเน่ร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์โปรดักส์ไลน์แฮร์แคร์คนแรกในประเทศ เพื่อกระตุ้นยอดขายของกลุ่ม Green Generation Millennials (คนรุ่นใหม่ที่รักสินค้าธรรมชาติและเริ่มสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม)
อีฟ โรเช่ ยังคงยึดมั่นในแบรนด์วิชั่นของผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการให้ผู้บริโภคทุกคนได้เข้าถึงพลังจากธรรมชาติที่ส่งผลต่อความสวยและความสุขในชีวิต รวมทั้งให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ซึ่งในปลายปีนี้เราจะตอกย้ำ Brand ID ที่ว่า #InLoveWithNature ผ่านแคมเปญ “ACTS OF LOVE” เพื่อสื่อสารถึงจุดยืนของอีฟ โรเช่ที่มีต่อโลกใบนี้