"การศึกษาการฉีดวัคซีนเข้าทางผิวหนังเปรียบเทียบกับการวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบปกติ ม.อ. วางเป้าหมายเพื่อการบริหารจัดการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดต่อประเทศ ซึ่งผลการศึกษาในระยะเวลา 14 วัน 28 วัน พบว่า ภูมิคุ้มกันเป็นที่น่าพอใจ และภายใน 90 วันจะดำเนินการศึกษาถึงประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนและบริหารการใช้วัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.นพ.นวมินทร์ กล่าว
ขณะที่การศึกษาและวิจัยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับกลุ่มตัวอย่าง โดยเปรียบเทียบระหว่างการได้รับวัคซีนปริมาณ 1 ใน 5 ของโดสปกติเข้าใต้ผิวหนังเปรียบเทียบกับการได้รับวัคซีนปริมาณปกติเข้ากล้ามเนื้อ ในกลุ่มประชากรทั่วไปจำนวน 91 คน หลังจากได้รับวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม ผลวิจัยเบื้องต้น พบว่า 14 วันหลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งแอนติบอดี้ (B cells) และทีเซลล์ (T cells) ได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่น้อยกว่าการฉีดวัคซีนเต็มโดสเข้ากล้ามเนื้อแบบปกติ
ทั้งนี้อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันแบบแอนติบอดี้จะอยู่ที่ 70 BAU/mL และเมื่อรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ด้วยวิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบเต็มโดส ภูมิคุ้มกันจะเพิ่มขึ้นเป็น 4559 BAU/mL แบบครึ่งโดสเพิ่มขึ้นเป็น 3034 BAU/mL แต่ในกลุ่มอาสาสมัครที่รับวัคซีนเข็ม 3 แบบฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1 ใน 5 ของโดสปกติ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันระบบแอนติบอดี้ได้ 2175 BAU/mL และไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรงจากวัคซีน โดยกลุ่มที่ได้รับการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง มีผลข้างเคียงทางร่างกาย เช่น ไข้ ปวดศรีษะ ปวดเมื่อย น้อยกว่ากลุ่มที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
จากการศึกษาภูมิคุ้มกันชนิด “ทีเซลล์ (T cells)” ที่ใช้ในการจัดการไวรัสที่ติดเชื้อในเซลล์ พบว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข้ากล้ามเนื้อแบบเต็มโดสและครึ่งโดส เมื่อถูกกระตุ้นด้วยโปรตีนหนามแหลมของโคโรน่าไวรัส (S1 peptide pool) สามารถหลั่งไซโตไคน์อิเตอเฟอรอนแกรมม่า (IFN-γ) เพื่อกำจัดไวรัสได้ในปริมาณที่ไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มที่ได้รับวัคซีนปริมาณ 1 ใน 5 ของโดสปกติเข้าใต้ผิวหนัง การเพิ่มขึ้นของทีเซลล์นั้นไม่แตกต่างกับก่อนได้รับการกระตุ้น
สำหรับการศึกษาเพื่อบริหารการจัดการวัคซีนให้กับคนไทยครั้งนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และคณะแพทยศาสตร์ ม.อ. โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้จัดมีการวิจัยที่ ม.สงขลานครินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.ธรรมศาสตร์ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อนำผลการศึกษาวิจัยทั้งหมดนำมาเป็นข้อมูลให้กับกระทรวงสาธารณสุข ในการบริหารจัดการวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดประเทศ ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หาดใหญ่แซนด์บ็อกซ์ และเมืองอื่นๆ