แต่สำหรับแคนาดา การดำเนินการดังกล่าวของ Huawei จะทำให้การก่อสร้าง 5G ในแคนาดาอาจล่าช้า
และจากการที่ปัจจุบัน Huawei เป็นบริษัทที่มีสิทธิบัตร 5G มากที่สุดในโลก มีจำนวนสิทธิบัตรที่ Huawei เป็นเจ้าของมากถึง 3,147 สิทธิบัตร ซึ่งหมายความว่า Nokia และ Ericsson ที่ทำในเรื่องการสร้างระบบเครือข่าย 5G เช่นกัน ก็ยังต้องการการสนับสนุนจากเทคโนโลยี 5G ของ Huawei ดังนั้นทั้งสองบริษัทจึงไม่สามารถให้บริการสร้างระบบเครือข่าย 5G กับแคนาดาได้
นี่เป็นปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการสร้างระบบเครือข่าย 5G ของแคนาดาเลยทีเดียว เพราะ Huawei, Nokia และ Ericsson คือยักษ์ใหญ่ในการบริการสร้างระบบเครือข่าย 5G ของโลก
สิ่งที่แคนาดาเผชิญจะคล้ายที่ประเทศออสเตรเลียได้เผชิญมาแล้วหรือไม่ เป็นเรื่องต้องติดตามใกล้ชิด เมื่อปี 2018 ออสเตรเลียได้ประกาศยกเลิกความร่วมมือกับ Huawei อย่างเปิดเผย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Huawei ก็ได้โต้กลับปิดศูนย์ R&D ในออสเตรเลีย ถอนเงินลงทุน 490 ล้านหยวน และเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากถึง 1,000 คน จนถึงขณะนี้ Huawei มีพนักงานน้อยกว่า 200 คนในออสเตรเลีย
และตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมต่างๆ ในออสเตรเลีย ต่างก็ได้รับผลกระทบในระดับต่าง ๆ กัน และยังมีปัญหาการเชื่อมต่อตัดขาดหลายครั้งอีกด้วย จากกรณีออสเตรเลียเทียบกับการที่ Huawei กำลังโต้กลับแคนาดาในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าสิ่งที่แคนาดาและออสเตรเลียเผชิญ ไม่แตกต่างกันมากนัก
แม้จะไม่เกี่ยวโดยตรงกับเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น แต่ตอนนี้ Huawei เริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรจากบริษัทอื่น ๆ แล้ว แม้แต่บริษัทชั้นนำในด้านการสื่อสารอย่าง Samsung และ Apple ก็รวมอยู่ด้วย ราคาค่าสิทธิบัตรของแต่ละอุปกรณ์สูงสุดคือ 2.5 ดอลลาร์ แต่ราคาดังกล่าวไม่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ เพราะ Nokia เรียกเก็บค่าสิทธิบัตรประมาณ 3.58 ดอลลาร์ ต่ออุปกรณ์, Ericsson จะเก็บระหว่าง 2.5-5 ดอลลาร์, Qualcomm จะเรียกเก็บสูงถึง 3.58 - 7.5 ดอลลาร์ เท่ากับสามเท่าของ Huawei
ปัจจุบัน ในขณะที่ Huawei กำลังพัฒนา 5G ก็ยังดำเนินการวิจัยเทคโนโลยี 6G ด้วย ซึ่ง CEO และผู้ก่อตั้ง Huawei, Ren Zhengfei มั่นใจว่าเขาสามารถทำได้อีกครั้ง
Cr ; iNEWS
Source