มิกซ์หลักๆ ของสยามดิสคัฟเวอรี่ จะมี 3 ส่วนสำคัญคือ แฟชั่นจากแบรนด์ดังๆ ที่เข้ามาเปิดช็อป เน้นไปที่การเป็นแบรนด์ชื่อดังในคอนเซ็ปต์ของร้านที่ไม่แตกต่างจากต่างประเทศ อย่างแบรนด์ Issey Miyake เป็นต้น ส่วนที่ 2 จะเป็นพื้นที่ที่เป็น Sustainability เน้นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้โซน Ecotopia และสุดท้ายจะเป็นโซนที่เกี่ยวข้องกับ Innovation คือดิจิทัลแล็บ ซึ่งจะนำเสนอสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นสมาร์ทลิฟวิ่ง ซึ่งพื้นที่ในส่วนนี้เพิ่งมีการรีโนเวทเรียบร้อย แล้ว โดยนำร้าน “CEE.Store” เข้ามาเปิดเป็น 1 ใน 8 โซนหลักของดิจิทัลแล็บ
ชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทลโฮลดิ้ง จำกัด บอกว่า การเป็นไฮบริด รีเทล ของสยามดิสคัฟเวอรี่ นั้น จะเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า เนื่องจากสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นศูนย์การค้าขนาดไม่ใหญ่นักมีพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร โดยหัวใจสำคัญของการทำตลาดในรูปแบบดังกล่าวนั้น จะมีแกนหลักคือเรื่องของการ Co-creation และ Creating Shared Values ซึ่งเป็นโมเดลที่มุ่งเน้นการใช้สร้างความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ของการเป็นThe Icon of Innovative Lifestyle
“ในปี 2563-2564 ที่ผ่านมามีการ Co-creation ที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการค้าปลีก ได้แก่ การเปิดตัว Ecotopia โฉมใหม่ที่มุ่งเน้นสินค้าด้าน Sustainability โดยสยามดิสคัฟเวอรี่ร่วมทำงานกับผู้นำความคิด แบรนด์สินค้าภายใต้แนวคิดรักษ์โลกมากมาย และการเปิดตัว Her Lab โฉมใหม่ซึ่งได้จับมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำและแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก ขณะที่ล่าสุด สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ไฮบริดรีเทลแห่งแรกของประเทศไทยที่ผสมผสานสินค้าบริการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาการค้นพบสไตล์ของตนเอง ขณะเดียวกันก็ต้องการร่วมมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับผู้อื่นที่มีความสนใจเดียวกันในแบบไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ โดยในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา สยามดิสคัฟเวอรี่ได้ถือโอกาสปรับโฉมใหม่ของพื้นที่ดิจิทัล แล็บซึ่งเป็นโซนที่นำเสนอสินค้าด้านไลฟ์สไตล์เทคโนโลยี ไอที แกดเจ็ท ที่แปลกล้ำนำเทรนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ติดอันดับ Top5 มาโดยตลอด”