คุณสุขศิริ ย้อนรอยให้เราฟังว่า ระหว่างทางเธอต้องพบเจอกับปัญหามามาก โดยเฉพาะปัญหาความไม่เข้าใจกันของครอบครัว ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สร้างผลกระทบต่อจิตใจของเธออยู่ตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันครอบครัวก็เป็นเสมือนแรงผลักดันที่ทำให้เธอต้องสู้ต่อเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง
“ต้องขอบคุณ NIA ที่เป็นเหมือนกาวใจให้ครอบครัว เพราะก่อนหน้านี้คุณแม่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ ทะเลาะกันจนขนาดที่ว่าไล่ออกจากบ้าน ไม่คุยกันเป็นเดือนๆ แต่เราก็ยังทำมันต่อไปโดยได้รับการสนับสนุนจาก NIA รวมถึงพี่ๆ เพื่อนๆ กระทั่งวันนึงคุณแม่เห็นว่าเราทำได้จริงๆ และเราประสบความสำเร็จ จากการทะเลาะกันวันนั้นก็กลายเป็นคุณแม่สนับสนุนเต็มที่ เลยได้มีโรงงานอีกโรงหนึ่งถึงจะไม่ได้ใหญ่โตแต่มันก็เป็นโรงงานของเราเอง”
ความภูมิใจของคนใต้และคนพัทลุง
สำหรับชื่อแบรนด์ “เคยนิคะ” คุณสุขศิริ ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะใช้ชื่อที่ทำให้คนจำง่าย จึงเลือกที่จะใช้ชื่ออื่นแทน “กะปิแม่ยินดี” ซึ่งเป็นแบรนด์เดิม แต่ในเวลาเดียวกันแบรนด์นั้นก็ต้องแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของภาคใต้ด้วยจึงนำ คำว่า “เคย” มาใช้
“กะปิในภาษาใต้เราจะเรียกว่า เคย แล้วกะปิก็ทำมาจากตัวเคย (กุ้งเคย) เราเลยใช้คำว่า เคยนิคะ เพื่อบอกว่า นี่ค่ะกะปิ นี่คือกะปิอร่อย เป็น 3 คำ 3 พยางค์ ที่เข้าปากได้พอดี ฟังแล้วคนจำง่าย พร้อมการสื่อสารซอสกะปิเคยนิคะ ในฐานะผู้ช่วยที่ตอบโจทย์ของคนยุคใหม่ ปรุงอาหารอร่อยเหมือนต้นตำรับมาทำให้กินภายใต้สโลแกน อร่อยครบช้อนเดียวจบกับ ซอส เคยนิคะ มีจุดเด่นคืออร่อย ใช้ง่าย ช้อนเดียวจบ ไม่จำเป็นต้องปรุงเพิ่ม เพราะใช้กะปิคัดอย่างดี ทุกขวดเข้มข้น หอมกลิ่นกะปิ”
พร้อมกันนี้ คุณสุขศิริ บอกกับเราว่า หลังจากเคยนิคะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น คนพัทลุงเริ่มรับรู้แล้วว่านี่คือกะปิของคนบ้านเดียวกันก็มีหลายเสียงที่พูดถึงเคยนิคะว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนพัทลุง ซึ่งเป็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่ที่เคยนิคะได้สร้าง ได้ให้ และได้รับไปพร้อมๆ กัน
“มีคุณป้าท่านหนึ่งโทรมาหา สั่งกะปิเราไปขายเป็นสิบๆ ลังเลย โดยที่เราก็ไม่เคยเจอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณป้าโทรมาชื่นชมและบอกกับเราว่า เราเป็นความภูมิใจของพวกเขาเลยนะ ให้เราสู้ต่อไป มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่เราได้มารู้ว่าของที่เราตั้งใจทำ มันสร้างคุณค่าให้กับทั้งเราและพวกเขาด้วย”
เครื่องเหม็นอันโอชาจะไปสู่สายตาชาวโลก
เรียกได้ว่า ซอสกะปิเคยนิคะสามารถเพิ่มมูลค่าจากกะปิที่อยู่ในกระปุกได้อย่างมาก เป็นผู้เริ่มต้นและสร้างตลาดใหม่ให้กับกะปิ กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ทีมูลค่ามหาศาล
ปัจจุบันซอสกะปิเคยนิคะขนาด 290 กรัม ราคาขวดละ 79 บาท มีจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่างโฮมเฟรชมาร์ท ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และวิลล่า มาร์เก็ต
ส่วนแผนต่อไปจะเป็นการส่งออกไปต่างประเทศทั้งในยุโรป และ CLMV ในเวลาเดียวกันยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาซอสกะปิสูตรใหม่ที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือการนำอาหารใต้สู่อาหารโลก โดยใช้นวัตกรรมผสมผสานกับรากเหง้าของอาหารท้องถิ่น
“เป้าหมายสูงสุดของเรา คือ จากรากเหง้า สู่ Global กะปิจะต้องกลายเป็นเครื่องเหม็นอันโอชาที่จะไปสู่สายตา ชาวโลก เป็นตัวชูรสอาหารที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องอยากกิน”