ที่ผ่านมาแม้ NIA มีโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านนวัตกรรมมากมาย แต่นิลมังกรแคมเปญมีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ โดยนอกจากจะเป็นหนึ่งในโครงการที่มีขนาดใหญ่ของ NIA แล้วยังเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการกลุ่ม 3S ทุกภูมิภาคเข้าร่วมโครงการโดยเท่าเทียมกัน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องนำอัตลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นของตนเองมาสร้างนวัตกรรมให้กับสินค้าและบริการ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของโครงการนี้ว่า NIA มีความตั้งใจที่จะสร้างทรายเม็ดใหม่ขึ้นมาในภูมิภาค และถือเป็นเรื่องน่ายินดีว่ามีผู้ประกอบการท้องถิ่นสนใจเข้ามาสมัครกว่า 300 คน ซึ่งตัวเลขที่เกินเป้าหมายที่วางไว้ครั้งนี้ มาจากการที่ NIA ทำโครงการลงลึกเข้าไปในภูมิภาคตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ หอการค้าและหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ในการช่วยประชาสัมพันธ์ประกาศรับสมัครผู้ที่สนใจในการเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ NIA ได้จับมือเป็นพันธมิตรภาคการศึกษาที่ช่วยเชื่อมโยงการทำงานภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกันกับอุทยานวิทยาศาสตร์ 14 แห่งในประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นฮับ (Hub) หลักในภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในภาคใต้และศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในภาคกลาง ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการในแต่ละภูมิภาค โดยเปิดรับสมัครและทำการคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผ่านเข้ารอบภาคละ 30 ทีม รวม 120 บริษัท เข้าสู่แคมป์การฝึกอบรมให้ความรู้ทางด้านการบริหารโมเดลธุรกิจ การตลาดและการสร้างแบรนด์ เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจของผู้ประกอบการเติบโตหรือสเกลอัพได้อย่างน้อย 3 เท่า ภายใน 7-8 เดือน จากนั้นจึงเข้าสู่รอบพิชชิ่งเพื่อคัดเลือกให้เหลือภาคละ 5 ทีม รวม 20 บริษัท
“เราคาดว่าทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 3 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขายรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 630 ล้านบาท นั่นหมายถึง ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ลดจำนวนแรงงานย้ายถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเกิดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ยกระดับความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น”
ท้ายที่สุด NIA เชื่อมั่นว่าจะยกระดับนวัตกรรมในภูมิภาค สร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างเหมือน Ripple Effect ซึ่งเราเชื่อว่าตอนนี้กำลังอยู่ในวงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยมีโครงการนิลมังกรเป็นเบื้องหลังสำคัญ