“PTT Station” One Stop Service + Living Community
Branding for Social Impact
คุณบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันมีการแข่งขันสูงมาก ซ้ำกลยุทธ์ของผู้ประกอบการแต่ละรายมีความคล้ายกัน กล่าวคือเน้นการขยายเครือข่ายเพื่อเพิ่มยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ต่างกันแค่การโฟกัสผลิตภัณฑ์ชนิดใดเท่านั้น แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการโฟกัสธุรกิจ Non-oil เห็นได้จากการขยายร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อของแต่ละแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้กันนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ PTT Station ทำมาก่อนหน้านี้ จากการบุกเบิกคอนเซ็ปต์ PTT Life Station ที่มีความครบครัน ทั้ง Oil และ Non-oil เป็น One Stop Service กระทั่งสร้าง Impact ให้กับตลาด
คอนเซ็ปต์ดังกล่าวกลายมาเป็น Success Model ที่คู่แข่งขันเดินตามในเวลาต่อมา เมื่อถึงจุดหนึ่ง PTT Station ตระหนักดีว่า One Stop Service เป็น Physical Benefit ที่เลียนแบบกันได้ PTT Station จึงยกระดับการแข่งขันด้วยการ Transform เป็น Living Community หรือสถานีที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน
“เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับ PTT Station มีอยู่ 4 เรื่อง อย่างแรกคือ คุณภาพน้ำมัน ซึ่งมีการคิดค้นและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาพร้อมๆ กับการสำรวจและวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ อย่างล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2563 ได้มีการเปิดตัวน้ำมันกลุ่มเบนซินและ GSH สูตรใหม่ภายใต้ชื่อ XtraForce ในส่วนของดีเซลเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2561 ภายใต้ชื่อ Ultraforce ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค สะท้อนได้จากการมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ต่อเนื่องยาวนาน และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
ลำดับต่อมาสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศต้องมีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถรองรับวิถีชีวิตของทุกคน โดยแบ่งเป็น 4 รูปแบบคือ Platinum, Standard, Compact และรูปแบบพิเศษ (Concept Station) ขึ้นอยู่กับทำเลและชุมชนแวดล้อม และการมีสินค้าบริการที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันคุณภาพดี สินค้าและบริการอื่นที่หลากหลาย ทั้งร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ ประการสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือสังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน เพราะเชื่อว่าการทำธุรกิจที่ดีนั้น บริษัทจะต้องเติบโตไปพร้อมกับสังคม และ PTT Station จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สังคมชุมชนเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้
“ภายใต้คอนเซ็ปต์ Living Community ในการพัฒนารูปแบบทางธุรกิจเพื่อส่วนรวมที่สร้างคุณค่าและเติมเต็มทุกความสุขให้กับผู้บริโภค สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม PTT Station ให้บริการในแหล่งชุมชนหลายจุดทั่วไทย นอกจากเป็นสถานที่ที่คนเดินทางต้องแวะเพื่อเติมเชื้อเพลิง และพักผ่อน ซื้อของจากการเดินทางอันยาวนานแล้ว PTT Station ยังคงเป็นที่พึ่งพิงของชุมชนรอบข้างสถานีบริการน้ำมันอีกด้วย”
จากจุดนี้เอง PTT Station จึงสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและเป็นสื่อกลางในการผสานความร่วมมือและให้พื้นที่เพื่อเติมเต็มทุกความสุขให้กับผู้บริโภค สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยนำพื้นที่ส่วนหนึ่งในสถานีบริการน้ำมันจัดบูธจำหน่ายสินค้าเกษตรกรรม รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ PTT Station เป็นมากกว่าปั๊มน้ำมัน แต่เป็นแหล่งช้อปปิ้งของดีของท้องถิ่นและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนได้ด้วย โดยมีตลาดวิถีชุมชน ให้ชุมชนสามารถมาจำหน่ายสินค้าของชุมชนในสถานีได้ และโครงการ “ไทยเด็ด” คัดเลือกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เป็นของดีของเด่นประจำท้องถิ่นต่างๆ มาจำหน่ายในสถานีบริการ PTT Station และยังช่วยพัฒนาสินค้าร่วมกับชุมชนเพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ช่วยเหลือเกษตรกรและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนด้วย
“เราจะต้องสร้างความแตกต่างเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ โดยเราก้าวจาก Life Station ไปสู่ความเป็น Living Community สถานีที่เติมเต็มความสุขให้ชุมชนและเข้าใจคนเดินทาง ในเวลาเดียวกันก็จะโฟกัสเทรนด์ใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสให้กับธุรกิจ อย่างเช่นเทรนด์ธุรกิจ Food Delivery ซึ่ง PTT Station มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะทำเป็นธุรกิจ Food Hub หรือ Cloud Kitchen เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ PTT Station”