แฟมิลี่มาร์ทเริ่้มเปิดขายแฟรนไชส์เมื่อประมาณ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้มีจำนวนร้านที่เป็นของแฟรนไชซีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของสาขาทั้งหมด และจากนี้ไปบริษัทก็จะพยายามเพิ่มสัดส่วนนี้ให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าจะมีสัดส่วนร้านของแฟรนไชส์ให้มาอยู่ที่ระดับ 30 - 35%
แฟรนไชส์ของแฟมิลี่มาร์ทมี 2 รูปแบบ โดยรูปแบบที่ 1 ใช้งบฯลงทุน 1.2 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ และอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว แบ่งเป็นค่าสต๊อกสินค้า เงินสำรองทอน ค้ำประกันสัญญา เป็นต้น
ส่วนรูปแบบที่ 2 ใช้งบฯลงทุน 4.9 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการตกแต่ง ซ่อมแซมอาคาร และอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว พื้นที่ประมาณ 100-150 ตร.ม. รวมพื้นที่สต๊อกสินค้า ผู้รับสิทธิ์ต้องมีอาคารสถานที่เป็นของตนเอง
นอกจากการรุกขยายสาขาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดแล้ว แฟมิลี่มาร์ท ยังมีการปรับในเรื่องของการนำเสนอสินค้าภายในร้าน โดยเมทินี พิศุทธิ์สินธพ Chief Operating Officer Small Format บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่าย ความต้องการซื้อสินค้า มีปัจจัยร่วมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และสภาพการจราจร ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านมากขึ้น
“แฟมิลี่มาร์ทซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ชิดชุมชน มีสินค้าจำหน่าย 2,500 - 3,000 รายการ เมื่อได้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าจากฐานข้อมูลเดอะวัน และการสั่งซื้อสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่นแกร็บมาร์ท พบว่าลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าที่มีขนาดใหญ่และแพ็กใหญ่ขึ้น เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการและปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมช้อปสินค้าใกล้บ้าน แฟมิลี่มาร์ท 243 สาขา จึงได้เพิ่มสินค้ากว่า 500 รายการ อาทิ ของใช้ประจำบ้านในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน, ทำความสะอาดร่างกาย, ผลิตภัณฑ์สำหรับทำและปรุงอาหาร, แพ็กเกจฟู้ด, ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม, อาหารพร้อมทาน, อาหารแช่แข็ง, อาหารสดทั้งผักผลไม้ ซึ่งจะเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกสรรมากขึ้น นอกจากนั้นลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นแกร็บ เลือกบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart)”