การปรับตัวของ ‘สิงห์ เอสเตท’ ที่เข้าชิมลางการทำธุรกิจในตลาดพลังงานสู่การผลิตไฟฟ้า เมื่อต้นปี 2564 สิงห์ เอสเตท ได้ประกาศว่าจะเป็นปีที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่เฟสต่อไปของการพัฒนาธุรกิจของสิงห์ เอสเตท โดย ณ ตอนนี้ สิงห์ เอสเตท ได้สิทธิ์ซื้อหุ้น 30% ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Co-generation Power Plant) ขนาดใหญ่ 3 แห่งขายไฟฟ้าล่วงหน้าแล้วเกือบ 70% ของกำลังผลิตทั้งหมด
“เราได้สิทธิ์ซื้อหุ้นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเงื่อนไขที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้สิงห์ เอสเตท ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลิตกระแสไฟฟ้า และให้บริการด้านวิศวกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย พร้อมกับขยายธุรกิจของเราให้ใหญ่ขึ้น 3 เท่าในเวลา 3 ปี” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บมจ.สิงห์ เอสเตท
การเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่จะมาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับ 3 กลุ่มธุรกิจที่เป็นแกนหลักแต่เดิม ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรม เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตและพัฒนาธุรกิจของสิงห์ เอสเตท
“เราต้องการสร้างธุรกิจนี้ให้ยิ่งใหญ่อย่างมั่นคง และมีผลตอบแทนที่แน่นอนสม่ำเสมอ พร้อมๆ กับการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต โดยที่เราจะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังกันของ 4 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท มาเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บมจ.สิงห์ เอสเตท กล่าวเสริม
บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) บริษัทผู้พัฒนาและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ประกาศว่า บริษัทได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 30% ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Co-generation power plant) ขนาดใหญ่ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกัน 400 เมกะวัตต์ โดยเป็นสิทธิ์ซื้อที่ราคาพาร์ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,392 ล้านบาท
สำหรับแห่งแรกนั้น เป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วม ของบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง โดยดำเนินการผลิตอยู่แล้ว ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 123 เมกะวัตต์
ส่วนแห่งที่ 2 และ 3 เป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด เป็นเจ้าของใบอนุญาต ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาห กรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2566 โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่โรงงานละ 140 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งจะเริ่มขึ้นเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ บมจ.สิงห์ เอสเตท ซึ่งมีกำหนดจัดการประชุมสามัญประจำปีในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564
จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เปิดเผยว่า การได้สิทธิ์ซื้อหุ้นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเงื่อนไขที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้สิงห์ เอสเตท ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลิตกระแส ไฟฟ้า และให้บริการด้านวิศวกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าขยายธุรกิจของเราให้ใหญ่ขึ้น 3 เท่า เป็นบริษัทที่มีรายได้ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปี
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า “ใบอนุญาตโรงงานผลิตกระแส ไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังการผลิตระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเราจึงรู้สึกยินดีมากเป็นพิเศษที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่สำคัญถึง 3 แห่ง ในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้เรามีฐานธุรกิจที่มั่นคงในอุตสาหกรรมผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์”