“จากผลการวิจัยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรค ลดจำนวนเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้ถึง 91.3% แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสิทธิบัตรพลาสม่าคลัสเตอร์ของเรามีประสิทธิภาพ และส่งผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้ถึงคุณค่าของเทคโนโลยี และมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์สูงสุดให้กับผู้บริโภคในเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย โดยเรามีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีพลาสม่าคลัสเตอร์สู่ตลาดไทยในอนาคต เช่น ไดร์เป่าผม พลาสม่าคลัสเตอร์ หรือเครื่องซักผ้าพลาสม่าคลัสเตอร์เพื่อช่วยฆ่าเชื้อระหว่างการซัก ซึ่งได้นำร่องเปิดตัวไปแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น จากปัจจุบันที่ตลาดประเทศไทยนำเสนอเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ในเครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องกำจัดไรฝุ่น”
มร.โรเบิร์ต ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของ SHARP คือการส่งมอบ Hygiene Air ด้วยคุณภาพของอากาศที่มีทั้งความสะอาด และปลอดภัย ทำให้ลูกค้าหมดกังวลกับปัญหาฝุ่นควัน และมลพิษ เพราะเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวจาก SHARP ช่วยยับยั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ตลอดจนช่วยสลายสารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางด้านการทำตลาดของ SHARP ในปีที่ผ่านมาก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน หลังเกิดสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์ ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดต้องปิดทำการชั่วคราว นับเป็นการเปลี่ยนแปลงกะทันหันครั้งใหญ่ในตลาดไทย
แม้ปัจจุบันห้างสรรพสินค้าจะกลับมาเปิดทำการตามปกติแล้วก็ตาม แต่พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของผู้บริโภคยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงของตลาดจากสถานการณ์ที่ผ่านมา SHARP เองได้มีการจัดทำแคมเปญโฆษณาและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจแบรนด์และผลิตภัณฑ์ โดยมีคุณคิมเบอร์ลีเป็นพรีเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันได้เพิ่มช่องการขายไปยังออนไลน์ ไม่ใช่เพียง Lazada, Shopee เท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านค้าออนไลน์ของพันธมิตรของ SHARP ด้วย ทั้งนี้ SHARP ยังคงให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบออฟไลน์ เพราะถือเป็นช่องทางหลักที่มีบทบาทสำคัญ นอกเหนือไปจากการทำการตลาดที่เข้มข้น SHARP ก็ยังไม่ลดความสำคัญในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ยิ่งเมื่อปัญหาฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นมลพิษทางอากาศครั้งใหญ่ของคนไทย SHARP ไม่หยุดนิ่งที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และช่วยเหลือสังคม
“ปีที่แล้วเราจัดกิจกรรม CSR ถึง 2 ครั้ง ด้วยการบริจาคเครื่องฟอกอากาศมากกว่า 100 เครื่อง ให้แก่โรงเรียนและบ้านเด็กกำพร้าในพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษทางอากาศขั้นวิกฤต ซึ่งครั้งนั้นเรายังให้ความรู้แก่พวกเขาในการป้องกันตัวเองจาก PM 2.5 อีกด้วย รวมถึงบริจาเครื่องฟอกอากาศให้โรงพยาบาลมากกว่า 200 เครื่อง ต่อมาเมื่อเกิดโรคระบาด COVID-19 เรายังเห็นความสำคัญของปัญหานี้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่สามารถจัดงานในพื้นที่ปิดได้ เนื่องจากต้องให้ความสำคัญเรื่อง Social Distancing เราจึงจัดกิจกรรมให้ความรู้ผ่านออนไลน์ ในโครงการ “SHARP Plasmacluster Health Classroom” ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงวิธีดูแลตัวเองและครอบครัวในช่วง COVID-19 ในหัวข้อ เช่น วิธีทำให้ชีวิตสมดุลขณะทำงานที่บ้าน (Work From Home) และการเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตในวิถี New Normal เป็นต้น”
สำหรับทิศทางธุรกิจของในปี 2564 นั้น SHARP ตั้งเป้าขยายผลิตภัณฑ์ B2C โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในบ้านรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด พร้อมคุณสมบัติหลักที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภค นอกจากนั้นยังตั้งเป้าขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ และร่วมมือกับพันธมิตรในภาคธุรกิจ B2B มากขึ้นด้วย