เราจะได้เห็นโรบินฮู้ด เจาะตลาดผู้ใช้งานใหม่ๆ ตามพฤติกรรมและช่องว่างทางการตลาดที่เกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูล เช่น ร้านอาหารช่วงดึก อาหารมื้อเช้า เป็นต้น โดยมุ่งเพิ่มลูกค้าผู้ใช้งานเป็น 1 ล้านราย เพิ่มร้านค้าเป็น 1.5 แสนร้านค้า เพิ่มไรเดอร์เป็น 2 หมื่นราย และสร้างยอดเงินไหลผ่านแพลตฟอร์ม (Gross Transaction Value) 1,596 ล้านบาท พร้อมกับการเดินหน้าขยายสู่ต่างจังหวัด เตรียมนำร่อง 5 จังหวัด เน้นจังหวัดที่ไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น โคราช เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี ขอนแก่น
การเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานให้ตอบโจทย์และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น ระบบการจ่ายเงินผ่านบริการเงินที่หลากหลาย สร้างเครื่องมือให้ร้านค้าจัดการได้ง่ายมากขึ้น
อีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญของโรบินฮู้ดก็คือ LS (Logistic Subsidy) หรือส่วนลดค่าอาหารจากทางร้าน ที่เป็นพลังที่ดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ทำให้ฝั่งของโรบินฮู้ดเองต้องทำให้ร้านค้าเข้าร่วม LS ให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อลูกค้าได้ส่วนลดจากร้านค้า จะทำให้รู้สึกถึงความคุ้มค่าในการใช้งานที่ถูกกว่า
“ราคา ก็ยังมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจใช้บริการของลูกค้าต่อแพลตฟอร์ม ฟู้ด ดิลิเวอรี่ ทำให้ LS เป็น Key ของโรบินฮู้ด”
ในมุมของไรเดอร์ โรบินฮู้ดก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างงานสร้างอาชีพให้มากยิ่งขึ้น ขยายโอกาสไปยังกลุ่มคนที่ไม่มีรถมอเตอร์ไซสค์ในการทำงานส่งของ โดยใช้โมเดลการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ แบบ EV ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้านรถและเรื่องของที่ชาร์จไฟ
แม้ว่าโรบินฮู้ดจะไม่ได้มีรายได้มาจากการเก็บ GP ร้านค้า แต่เราจะค่อยๆ เห็นภาพ Community ของร้านอาหารภายในโรบินฮู้ด ที่สามารถต่อยอดบริการต่างๆ ได้อีกมากมาย เพราะบรรดาร้านเล็ก ร้านน้อย ต่างมีความต้องการองค์ความรู้ในหลายแขนงเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับร้านของตัวเอง