แม้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบ้านเราตลาดหลักๆ ยังคงเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองที่ราคาค่อนข้างแมสคือเฉลี่ยซองละ 6 – 15 บาท แต่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพรีเมียมก็มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ สังเกตได้จากการให้การตอบรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้าจากเกาหลีของวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่แม้ราคาขายต่อซองค่อนข้างสูงเฉลี่ยกว่า 30 บาทจนถึงกว่า 50 บาท แต่ก็ยังคงมียอดขายออกมาค่อนข้างดี และฐานของการบริโภคก็ขยายออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะในเมืองหลวง แต่ได้กระจายออกไปยังหัวเมืองต่างจังหวัดอีกด้วย
อาจจะกล่าวได้ว่า การเข้าตลาดของแม็กกี้ ถือเป็นจังหวะที่ค่อนข้างจะลงตัว ไล่ตั้งแต่
1.เนสท์เล่ เลือกส่งแม็กกี้เข้าตลาด ด้วยการเจาะไปที่ Niche Market ที่ยังมีการแข่งขันไม่รุนแรงนัก มีผู้เล่นเพียงไม่กี่รายที่อยู่ในตลาดนี้ ขณะที่ผู้นำตลาดที่มีแชร์กว่าครึ่งของตลาดอย่างมาม่า ยังไม่ได้เข้ามาทำตลาด
2.เมื่อมองมาที่ตลาดแมสแบบซองแล้ว พบว่า ตัวเลขการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองต่อปีของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 49 ซองต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะอิ่มตัวแล้ว ซึ่งในตลาดที่ Mature อย่างบ้านเรา การเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจากตัว Population Growth ที่ในบ้านเรามีอัตราอยู่ประมาณ 1.7 ถือว่าต่ำกว่า 2 ที่เป็นค่าเฉลี่ยปกติ เมื่อตัวเลข Population Growth มีออกมาไม่มากนัก จึงต้องสร้างโอกาสในการเติบโตจากตัวอื่นๆ แทน ทำให้เราได้เห็นการเข้ามาทำตลาดบะหมี่พรีเมียมแบบซองภายใต้แบรนด์ออเรียนทัลคิตเช่น ของมาม่า ที่ขายเฉลี่ยอยู่ที่ซองละ 13 – 15 บาท รวมถึงบะหมี่แบบคัพ ที่มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 15 บาท