“เคทีซียังร่วมสนับสนุนมาตรการของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ทั้งการปรับลดเพดานดอกเบี้ยและเพิ่มวงเงินให้กับลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อบุคคล การเปลี่ยนสินเชื่อเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวดหรือเงินต้น การลดค่างวด เป็นต้น โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีกลุ่มลูกหนี้สมัครเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างกับเคทีซีมียอดหนี้คงเหลือ 813 ล้านบาท (10,812 บัญชี) ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งเคทีซีจะได้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป”
“สำหรับแผนในปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด Covid-19 ที่ยังส่งผลต่อเนื่อง และเกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย บริษัทจะปรับแผนธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในพอร์ตลูกหนี้คุณภาพทั้ง 3 ธุรกิจหลัก โดยมุ่งรักษาพอร์ตลูกหนี้ให้มีคุณภาพดีและผูกพันกับเคทีซี ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งแบ่งเบาภาระเคียงข้างสมาชิกทุกกลุ่ม โดยธุรกิจบัตรเครดิต จะร่วมมือ
กับพันธมิตรคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เน้นส่งเสริมการตลาดที่เป็นออนไลน์มากขึ้นในทุกหมวดการใช้จ่ายซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อตอบรับกับความจำเป็นทุกความต้องการของสมาชิก ธุรกิจสินเชื่อบุคคล จะให้ความสำคัญกับการตอกย้ำทุกฟังก์ชันการใช้งานของบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ที่เพิ่มความสะดวกให้กับสมาชิกผู้ถือบัตรทั้งรูด โอน กด ผ่อนในบัตรเดียว ธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” เคทีซีจะมุ่งขยายตลาดในปีนี้เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายเติบโตที่ 1,000 ล้านบาท เป็นฐานสนับสนุนการเติบโตในระยะต่อไป สำหรับแผนโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบการชำระเงิน “Payment System” อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลและวิธีการดำเนินการ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่มาเสริมธุรกิจหลัก และสร้างโอกาสให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว”
ผลประกอบการของเคทีซี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ภายใต้มาตรฐาน TFRS9 เปรียบเทียบกับปี 2562 มีดังนี้ กำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท (ปี 2562 เท่ากับ 5,524) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเท่ากับ 90,149 ล้านบาท (เติบโต 4.3%) NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวมเท่ากับ 1.8% ฐานสมาชิกรวม 3.4 ล้านบัญชี (ใกล้เคียงปี 2562) แบ่งเป็นธุรกิจบัตรเครดิต 2,575,684 บัตร (เพิ่มขึ้น 2.6%) สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 60,235 ล้านบาท อัตราเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงที่ -7.7% หรือมีมูลค่ารวม 197,087 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิต 1.3% ธุรกิจสินเชื่อบุคคล (รวมสินเชื่อธนวัฏและสินเชื่อเจ้าของกิจการ) มีจำนวนทั้งสิ้น 814,329 บัญชี (ลดลง -8.3%) จากการปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 29,915 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 2.7%