“Amado Shopping ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสำหรับจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังเปิดรับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ต้องการนำสินค้ามาจัดจำหน่ายผ่านทาง Amado Shopping ซึ่งโมเดลธุรกิจใหม่ของ อมาโด้ถือเป็นการนำจุดแข็งของอมาโด้มาสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับธุรกิจใหม่มากยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถเก็บรวบรวมสะสมข้อมูลลูกค้าเป็น Big Data ที่เป็นขุมทรัพย์สำคัญของธุรกิจ ผนวกกับศักยภาพของอมาโด้ในการทำ Data Driven Marketing สู่การเพิ่มมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นายธนาตรัยฉัตรกล่าว
ทั้งนี้ Amado Shopping มีจุดเด่นคือ 1.มีทีมเทเลเซลล์รับสายพร้อมปิดการขาย 200 คน 2.มีบริการส่ง สินค้ารวดเร็วมีประสิทธิภาพภายใต้การบริการของอมาโด้เอง สามารถส่งของได้ภายใน 48 ชั่วโมง 3.มีคลังสินค้า จัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่ 3 ไร่ครึ่ง และคาดการณ์จะขยายเป็น 6 ไร่ ในอนาคต มีความสามารถในการจัดเก็บ และบริหารสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 4.มีช่วงเวลาการออกอากาศ (เรตติ้ง) ที่ดีและมีประสิทธิภาพของ แต่ละช่องรวมมากกว่า 3,000 ออนแอร์แบบ Tie-in 5. GP ต่ำกว่าตลาดเพียง 25% 6.ฐานข้อมูลลูกค้า (Data Driven) และเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้สามารถจัดโปรโมชั่นและสินค้าแบบเจาะลึกตรงกลุ่ม เป้าหมายในแต่ละช่อง แต่ละรายการ สามารถสร้าง รายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และ 7.สามารถตรวจสอบยอดขาย และคำนวณ ROI ได้แบบ Real-Time ซึ่งในปีนี้อมาโด้ตั้งเป้ามีรายได้จาก Amado Shopping ถึง 1,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นท็อป 1 ใน 10 ของตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้งในประเทศ
ด้าน นายพร้อมวิชญ์ กรณ์อัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า อมาโด้ตั้งเป้าหมายรายได้เป็น 3,000 ล้านบาท ในปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้อมาโด้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ของตลาด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในอีก 3 ปีข้างหน้า ประกอบกับเดินขยายธุรกิจรองรับการนำ บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภาพในปลายปีนี้หรือต้นปี โดยในปีที่ผ่านมา อมาโด้ ประสบผลสำเร็จด้วยยอดขาย 2,298 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 231.14% คิดเป็นมูลค่า 1,600 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีรายได้ 694 ล้านบาท อัตราการเติบโตดังกล่าวคิดเป็น 10% ของตลาดวิตามินและอาหารเสริม ที่มีมูลค่า 22,621 ล้านบาท และมีมูลค่าการเติบโตสูงกว่าตลาดรวม ที่เติบตัวเลขเฉลี่ย 8.5%