ถ้าเรามาพิจารณาถึงเกณฑ์การตัดสินของรางวัลดังกล่าวก็จะยิ่งทำให้เราเห็นภาพของทิศทาง และกลยุทธ์การขับเคลื่อนที่สำคัญ ของ AIS Fibre มากยิ่งขึ้น โดยเกณฑ์การพิจารณารางวัล Frost & Sullivan Best Practices Awards 2020 ที่ส่งผลให้ AIS Fibre ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ประกอบด้วย
Financial Performance หรือผลประกอบการที่โดดเด่น
ย้อนดูข้อมูลในปี 2562 ก็จะเห็นว่า AIS Fibre มีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นทั้งในแง่รายได้และจำนวนผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดย AIS Fibre มีรายได้เพิ่มขึ้น 29% และสามารถเพิ่มฐานผู้ใช้บริการได้ 42.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ AIS Fibre เพิ่มเป็น 10% แม้ว่าจะเข้าสู่ตลาดช้ากว่าผู้ให้บริการรายอื่น แต่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็นจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Implementation of Best Practice หรือการเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรม
โดย AIS Fibre เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยี Fiber Optic 100% มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัด และมีผู้ใช้บริการกว่า 1.04 ล้านรายในปี 2562 พร้อมออกแพ็กเกจ SuperMESH WiFi ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสัญญาณให้เร็ว แรง ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ติดตั้ง โดยไม่ต้องเดินสาย LAN และยังสามารถเชื่อมต่อกันได้มากที่สุดถึง 8 ตัว รวมทั้งร่วมมือกับ Huawei ยกระดับนวัตกรรม SuperMESH WiFi และเราท์เตอร์มาตรฐานให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น สามารถใช้งานได้แรงเต็มสปีดถึง 1 Gbps บน WiFi เป็นรายแรกในตลาดที่ทำได้จริง
Visionary through Mega Trends หรือความมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก
ถ้าเราเห็นถึงวิสัยทัศน์ของ AIS บริษัทแม่ของ AIS Fibre ที่กำลังดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และมีแผนที่จะเปิดตัว 5G Fixed Wireless Access ให้กับผู้ใช้บริการ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยี 5G ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 24 ราย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัวเครือข่าย 5G แล้ว และ AIS ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเหล่านั้น