สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ Chief Marketing Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด กล่าวว่า แม้ผลกระทบที่ได้รับจะไม่หนักเท่าธุรกิจสายการบินหรืออาหาร แต่ก็ถือว่าได้รับผลกระทบพอสมควร ทั้งนี้ด้วยความที่มีการวางแผนสำรองไว้ล่วงหน้าหลายแบบ ทำให้ทางโอสถสภามีผลิตภัณฑ์สำรองที่เหมาะสมกับในช่วงวิฤตในครั้งนี้นั้นก็คือ โอเล่ สกินแคร์ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพราะเปลี่ยนจากลูกอมเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หันมาทำเป็นเจลล้างมือแอลกอฮอล์สเปรย์ที่ทำออกมาขายก่อนโควิด-19 ได้ไม่นานเป็นความฟลีคที่เราปล่อยมาในช่วงเวลานั้น และยังมี C-Vitt ฟังก์ชั่นนัลดริงค์ที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดรายได้ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา
สุทิพา ยังกล่าวอีกว่า “ด้วยการเปลี่ยนไปของผู้บริโภคที่จะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำให้ต้องมองตลาดให้กว้างขึ้น โดยที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสุขภาพกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและการมองคู่แข่งเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเพราะทุกธุรกิจสามารถข้ามมาเป็นคู่แข่งเราได้หมด ดังนั้นอะไรที่ทำได้ให้ทำก่อนในช่วงที่ต้องปรับตัวนี้”
จากคำบอกเล่าของเหล่าผู้บริหารทำให้เรารู้ว่าวัคซีนที่ต้านโควิด-19 ได้ดีที่สุดในด้านของธุรกิจคือการปรับตัวให้เร็ว มองอุปสรรคให้มีทางออก และลงมือทำทันที ในวันนี้แม้สถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังห่างไกลจากโลกธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย หลายๆ องค์กรยังคงไม่รู้ทิศทางที่จะเดินหน้าต่อไปในสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดาว่าจะมีความท้าทายอื่นใดรออยู่ หรือการฟื้นตัวจะเป็นในรูปแบบไหน แต่อย่างไรก็ดี หากนักการตลาดกลายพันธุ์ได้เก่ง มีวิสัยทัศน์แห่งการเปลี่ยนแปลง เน้นทั้งการสร้างผลลัพธ์ระยะสั้นเพื่อความอยู่รอด ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ให้ชัด และไม่ลืมมองไปข้างหน้า สร้างความยั่งยืนในระยะยาวผ่านการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งด้วย เห็นอกเห็นใจและมีความใส่ใจในความเดือดร้อนของลูกค้าและสังคม เชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างแน่นอน