ทุ่ม 4,500 ล้าน ขยายโรงงาน
รับเทรนด์การเติบโต
ไม่เพียงเท่านั้น เนสท์เล่ยังมีการทุ่มงบ 4,500 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุน ใน 3 โรงงานหลัก ได้แก่ โรงงานอมตะ โรงงานบางชัน และ โรงงานยูเอชที นวนคร7 เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ไอศกรีม และเครื่องดื่มยูเอชที โดยนำอินไซต์ของผู้บริโภคชาวไทยมาต่อยอดสู่การวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่นำนวัตกรรมเข้ามาขับเคลื่อน เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการที่ดี รสชาติอร่อย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ควบคู่กับการคำนึงถึงความยั่งยืน สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต
เนสท์เล่ใช้งบลงทุน 2,250 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเสริมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของเนสท์เล่ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยโรงงานแห่งใหม่ มีกำหนดเริ่มเดินสายการผลิตในช่วงกลางปี 2564 การลงทุนในส่วนนี้เป็นการมองเห็นเทรนด์ของตลาดอาหารสัตว์ที่มีการเติบโตตามไลฟ์สไตล์ของคนไทยรุ่นใหม่ที่หันมานิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมวมากขึ้น
คนกลุ่มนี้ พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อแลกกับอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ทำให้เทรนด์ของอาหารสัตว์ในระดับพรีเมียมมีการเติบโตค่อนข้างดี เนสท์เล่ที่มีแบรนด์ เพียวริน่า วัน อยู่ในตลาด จึงต้องการเสริมพอร์ตในส่วนนี้ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับการใช้งบ 440 ล้านบาท เพื่อเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าในกลุ่มไอศกรีมที่โรงงานบางชัน เพื่อรับกับเทรนด์ของคนไทยที่นิยมให้รางวัลกับตัวเองด้วยการมองหาของกินเล่นเพื่อช่วยเติมเต็มความสุขระหว่างวัน การขยายการผลิตในครั้งนี้ จะมาพร้อมกับการทำตลาดที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เข้าตลาด อาทิ ไอศกรีมโมจิ ที่นำเทรนด์จากเกาหลีและญี่ปุ่นมาเปิดตลาดในไทยเป็นแบรนด์แรกและได้รับการตอบรับที่ดีมาก รวมถึง ไอศกรีมคิทแคท และโอริโอ พร้อมริเริ่มนวัต กรรมบรรจุภัณฑ์ไอศกรีมเนสท์เล่ เอ็กซ์ตรีม นามะ ที่ทำจากกระดาษเป็นครั้งแรกของไทยและสามารถรีไซเคิลได้ ทำให้ยอดขายไอศกรีมเนสท์เล่มีการเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสินค้าในกลุ่มไอศกรีม ทำสัดส่วนยอดขายให้กับเนสท์เล่คิดเป็นตัวเลข 10% ของรายได้รวมทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการลงทุน สร้างโรงงานยูเอชทีแห่งใหม่ ส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อโลกโรงงานยูเอชที นวนคร7 เป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มยูเอชที ได้แก่ ไมโล และนมตราหมี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลักที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลวิจัยของนีลเส็น (Nielsen) พบว่า เครื่องดื่มนมวัวยูเอชทีและเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ยูเอชที จะมีการเติบโตถึง 3% ใน 3 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและพกพาสะดวกเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยมองหา เนสท์เล่จึงเดินหน้าสร้างโรงงานยูเอชทีแห่งใหม่ด้วยงบประมาณ 1,530 ล้านบาท และเริ่มการผลิตเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชูเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคสายรักษ์โลก ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวด ล้อม อย่าง ไมโล ยูเอชที หลอดกระดาษแบบงอได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำหลอดกระดาษมาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยูเอชทีของไทย และตั้งเป้าลดการใช้หลอดพลาสติกได้มากกว่า 500 ล้านหลอดในปี 2564
ถือเป็นการรุกตลาดครั้งใหญ่ของเนสท์เล่ ที่มีเม็ดเงินถึง 4,500 ล้านบาท ในการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว....