กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง เค.อี. รีเทล (BKER) โดย กวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการ บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2563 ว่ามีกำไรมากกว่าไตรมาสก่อนถึง 8 เท่า จากการผ่อนคลายมาตรการปิดห้างฯ หลังเหตุการณ์โควิด19 โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 132.1 ล้านบาท กองทรัสต์ฯ มีรายได้จากการให้เช่า และบริการอยู่ที่ 327.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 92% บริษัทฯ มีนโยบายรักษาผู้เช่าไว้ให้ได้มากที่สุด โดยพยายามคงอัตราค่าเช่าเดิมให้แก่ผู้เช่า ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ในช่วงไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเป็น 91.4% จากไตรมาสก่อนที่ 90.5% และมีอัตราการต่อสัญญาเช่าเพิ่มขึ้นมากเป็น 90% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 74% จากผลประกอบการที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 นี้ ทางกองทรัสต์ฯ จึงได้ประกาศจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วย (Distribution) ที่ 0.13 บาทต่อหน่วยลงทุนในรูปแบบของการลดทุน คิดเป็นเงินทั้งหมด 113.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วน 90.75% ของกำไรสุทธิภายหลังปรับปรุงแล้ว โดยมีกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ และจะจ่ายปันผลได้ในวันที่ 9 ธันวาคม กวินทร์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลต่อปีของกองทรัสต์ฯ คำนวณจากผล 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.29% ซึ่งเป็นอัตราที่สูง และน่าสนใจเป็นที่น่าดึงดูดกับนักลงทุนมาก ท่ามกลางสภาวะในตลาดปัจจุบัน
ปัจจุบัน กองทรัสต์ BKER มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด 12,261 ล้านบาท มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิประมาณ 140,000 ตารางเมตรใน 10 โครงการ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแบบ Specialty และ Neighborhood Shopping Mall ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ Crystal Design Center, The Crystal รามอินทรา, The Crystal ราชพฤกษ์, อมอรินี, แอม พาร์ค จุฬาฯ, เพลินนารี วัชรพล, สัมมากร รามคำแห่ง, สัมมากร รังสิต, สัมมากร ราชพฤกษ์ และ เดอะซีน ทาวน์ อิน ทาวน์ เนื่องจากศูนย์การค้าทั้ง หมดในกองทรัสต์ฯ อยู่ในแหล่งชุมชน เน้นกลุ่มเป้าหมายครอบครัว ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศแต่อย่างใด