แคมเปญ “ผู้บริโภคที่รัก” เปิดผลการประเมินนโยบายสาธารณะด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค ของ 8 ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศไทย ประจำปี 2563 พบซูเปอร์มาร์เก็ตไทยทำคะแนนต่ำกว่าครึ่งในทุกมิติ ขาดกลไกการรับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรการชัดเจนเฉพาะในหมวดที่สร้างภาพลักษณ์ได้ เช่น การงดใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก แต่ขาดมาตรการควบคุมให้คู่ค้ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้า
นางสาวจิดาภา มีเพียร เจ้าหน้าที่ฝ่ายการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน องค์การอ็อกแฟมประเทศไทย (OXFAM) เปิดเผยว่า “แคมเปญ “ผู้บริโภคที่รัก” หรือเดิมใช้ชื่อว่า “ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก” ได้จัดทำการสำรวจและประเมินนโยบายทางสังคมของซูเปอร์มาร์เก็ตไทยมาตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการสร้างความยั่งยืนทางอาหาร ตลอดจนมีการบังคับใช้นโยบายอย่างจริงจัง
สำหรับในปี 2563 แคมเปญผู้บริโภคที่รักได้ประเมินซูเปอร์มาร์เก็ตไทยจำนวน 8 แห่ง ในมิติความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค ซึ่งเป้าหมายของการประเมินในปีนี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารปลอดภัยแล้ว ในขณะเดียวกันเป็นการช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การประเมินในครั้งนี้ จำแนกออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ มิติด้านความรับผิดชอบต่อสวัสดิการของผู้บริโภค ด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับคู่ค้า และสิ่งแวดล้อมของห้างค้าปลีก โดยแต่ละมิติจะมี 8 ตัวชี้วัดย่อย การประเมินได้ดำเนินการโดยพิจารณาจากนโยบายของซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะที่ตรวจสอบและเข้าถึงได้ เช่น เว็บไซต์ รายงานประจำปี หรือรายงานต่างๆ โดยการประเมินเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 จากการประเมิน พบว่า ที่ผ่านมามีซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งที่มีการประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านดังกล่าวสู่สาธารณะ แต่ในภาพรวมถือว่ายังคงต้องมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยมิติที่จะต้องเร่งปรับปรุง ประกอบด้วย
-
การพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกลไกการร้องเรียนและการเยียวยาผู้บริโภค ที่จะต้องครอบคลุมแนวทางการจัดการข้อร้องเรียน รูปแบบ กรอบระยะเวลาในการจัดการข้อร้องเรียนและการชดเชย
-
การเปิดเผยข้อมูลแหล่งที่มาและกระบวนการในการคัดกรองสินค้า
-
การพัฒนากลไกการติดตามและตรวจสอบย้อนกลับสินค้าโดยเฉพาะในสินค้าประเภทผักและผลไม้ รวมไปถึงอาหารทะเล
-
มาตรการในการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ผลิตที่ไม่มีกระบวนการการผลิตอาหารที่ปลอดภัย
-
ส่งเสริมการใช้นโยบายและแนวปฏิบัติตามแนวทางการจัดหาสินค้าที่ยั่งยืน
นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร ผู้จัดการสำนักงาน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (FOUNDATION FOR CONSUMERS) กล่าวว่า จากผลการประเมินซูเปอร์มาร์เก็ตไทยในข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทำคะแนนในทุกมิติน้อยกว่าร้อยละ 50 ของคะแนนรวม ส่งผลให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องร่วมกันผลักดันให้ซูเปอร์มาร์เก็ตจัดทำมาตรฐาน และแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการบังคับใช้ภายในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่จะมาถึงผู้บริโภค