เพราะเป็นการเปิดโอกาสในการเข้าถึงดีมานด์ใหม่ๆ ที่แบรนด์เดิมในพอร์ตยังเข้าไปไม่ถึง ล่าสุดกับตัวแบรนด์ ซาคาเอะ (SAKAE) ซึ่งเป็นร้านชาบูพรีเมียมที่ชูจุดขายในเรื่องของสุดยอดวัตถุดิบ อาทิ เนื้อวากิวระดับพรีเมียม นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวของชาบู-ชาบู และสุกี้ญี่ปุ่น
การขยายแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ เข้ามาเล่นในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดเข้าสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมมีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะเข้าไปรองรับกับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงตามหลักการ 80:20 ที่แม้คนกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนเพียง 20% แต่ก็สามารถสร้างยอดขายหรือแวลู่ได้สูงถึง 80%
เหตุผลจากการ “ล็อกดาวน์” ที่ทำให้คนไทยไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งเป็นเดสติเนชั่นที่มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้มีคนไทยไม่น้อยหันมาใช้บริการร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในประเทศแทน ซึ่งการนำเสนอประสบการณ์จาก Experience ที่คนไทยคุ้นเคยจากการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นของแบรนด์ ซาคาเอะ จะเข้ามารองรับความต้องการตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
ตามหลักการของการสร้างการเติบโตในธุรกิจร้านอาหารนั้น จะต้องทำอยู่ 2 เรื่องนี้ คือหนึ่งจะทำอย่างไรที่จะสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าให้ยังคงมีการเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และสอง การขยายฐานการบริโภคไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ ดูเหมือนง่าย แต่เวลาลงมือทำจริงแล้ว พบว่าไม่ง่ายเลย
เพราะธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่นในวันนี้ ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค การแข่งขันที่รุนแรง ที่สำคัญยังมีเรื่องของการเข้ามาดิสรัปท์ของเทคโนโลยีที่เป็นแรงกดดันสำคัญรวมอยู่ด้วย