Hungry Hub
ผู้ช่วยการจองร้านอาหาร
ก่อนหน้านี้มาตรการ Social Distancing ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านก็ถูกลดจำนวนไปกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อมีที่นั่งแบบจำกัดทางร้านอาหารจึงจำเป็นต้องนำระบบการจองโต๊ะมาใช้เพื่อบริหารจัดการ และทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
Hungry Hub ก่อตั้งครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2014 เป็นธุรกิจสตาร์อัพจากคอนเซ็ปต์ “แพลตฟอร์มจองร้านอาหาร 24 ชั่วโมง”ต่อมาในปี 2016 Hungry Hub ได้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์เป็น“แพลตฟอร์มจองร้านอาหารพร้อมข้อเสนอพิเศษไม่เหมือนใคร”ซึ่งได้รับแรงบัลดาลใจมาจากการที่ คุณสุรสิทธิ์ สัจจเดว์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Hungry Hub พาทีมไปเลี้ยงดินเนอร์ แต่งบที่จ่ายแต่ละครั้งบานปลายและคุมไม่อยู่ จึงได้คิดหาวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ และเกิดเป็นคอนเซ็ปต์“โปรโมชั่นร้านอาหาร ราคาเน็ต อิ่มคุ้ม คุมงบได้”
โดยเปลี่ยนร้าน ALa Carte ให้ทานได้แบบ All You Can Eat หรือบุฟเฟ่ต์ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังคำนึงถึงในฝั่งของร้านอาหารที่เน้นการสร้างยอดขายให้ร้านแบบไม่ลดราคา เพื่อให้ร้านอาหารมีรายได้อย่างยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ร้านอาหารอีกด้วย
คุณสิริศักดิ์ พลสิมมาHead of Marketing, Appservation Co.,Ltd.กล่าวว่า Hungry Hub เป็นแอพพลิเคชั่นการจองร้านอาหารที่มีสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจให้ลูกค้าอยากจองร้านอาหาร โดยเน้นการจองร้านอาหารที่เป็นอะลาคาร์ท ในราคาบุฟเฟ่ต์ ปัจจุบันมีร้านอาหารในแอพกว่า 100 ร้านค้าอยู่ในเขตกรุงเทพฯและเชียงใหม่
“สิ่งที่เราดีลกับร้านอาหาร ไม่ใช่การดีลเพื่อขอส่วนลด เพราะเราเน้นการช่วยเหลือร้านอาหารจากวิธีการทำงานของเราก็คือจะทำอย่างไรให้ร้านอาหารมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง การทานอาหารในแต่ละครั้งอาจมีราคาต่อหัวที่ราคา 300 - 400 บาท ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำ คือเราต้องเพิ่มราคาต่อหัวให้สูงขึ้นเพื่อให้ร้านอาหารมีรายได้มากขึ้นสิ่งที่ร้านค้าได้แน่ๆ คือ ราคาต่อหัวที่เพิ่มมากขึ้น ที่เหลือคือการบริหารต้นทุนอาหาร จะทำลักษณะแพ็กเกจอย่างไรให้ร้านอาหารมีรายได้ ไม่ใช่การทำโปรโมชั่นเพื่อเรียกคน แต่ต้องเป็นโปรโมชั่นที่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับทางร้านด้วย”
หลังการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ Hungry Hub ได้ดำเนินการขยายธุรกิจโดยมีร้านอาหารเข้าร่วมมากขึ้น นำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย จนสามารถคว้ารางวัล The Seedstars Summit Pitch Corner จากการ Pitching ให้กับนักลงทุนต่างชาติในงาน The Seedstars World Summit 2018 การแข่งขันสตาร์อัพระดับโลกซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดยแข่งขันกับผู้ประกอบการจากกว่า 14 ประเทศทั่วโลก และในปีเดียวกัน Hungry Hub สามารถคว้ารางวัล The winner of E-commerce ในงาน Echelon Asia Summit 2018 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ และยังติด Top 10 จาก 100 Start up ทั่วเอเชียที่ได้รับคะแนนสูงสุดในงานอีกด้วย
Hungry Hubมุ่งตอบโจทย์ในแง่ของการแก้ Pain Point ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการคุมงบประมาณในการรับประทานอาหาร และรู้ว่าจะได้ทานอะไรบ้างในราคาเท่าไหร่
“เป้าหมายของ Hungry Hub คือ ต้องการให้ลูกค้าทราบราคาสุทธิที่ต้องจ่ายในมื้อนั้น ก่อนเดินเข้าร้านอาหาร และต้องการช่วยให้ร้านอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน”
ด้วยมุมมองการตลาดที่ไม่เหมือนใคร ส่งผลให้ Hungry Hub มีแนวทางการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่งขันทางตลาดอยู่พอสมควร อาทิ การเป็นโปรโมชั่นร้านอาหารที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจากร้านแบรนด์ดัง เช่น มีโปรโมชั่น All You Can Eat ในร้านแบบA La Carteและให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยได้ไม่อั้นในเวลา 2 ชั่วโมง อีกทั้งร้านอาหารยังทำโปรโมชั่นลักษณะนี้กับ Hungry Hub เท่านั้น
Hungry Hub เข้าถึงลูกค้าด้วยการโปรโมทดีลอาหารและโปรโมชั่นผ่านทางโซเชียลมีเดียที่มีลูกค้าติดตามจำนวนมาก รวมไปถึงการโปรโมทผ่านกลุ่มบล็อกเกอร์อาหารจึงมีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างหลากหลาย อาทิ ลูกค้าองค์กรกว่า 1,000 บริษัทรวมถึงกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวผ่านช่องทางของพาร์ทเนอร์อย่างKlook.com
ปัจจุบันHungry Hub ได้ส่งลูกค้ามากกว่า 250,000 คนในกรุงเทพฯให้กับร้านอาหารมากกว่า 100 ร้านค้า อาทิ Audrey Café, Maisen, Yuutaro, Outback Steakhouse และอื่นๆอีกมากมาย