แต่แนวคิดใหม่นี้ ไม่ได้มองว่า แค่ 20% แต่ต้องกวาดให้ได้แบบ 100% เต็ม คือเอาหมดแม้กระทั่งตลาดที่เป็นนิชภายใต้กลยุทธ์นี้จะไม่มีการเจาะจงลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่มองลูกค้าที่มีโอกาสเข้าไปเจาะ โดยนำเสนอสินค้าที่มีนวัตกรรมที่สามารถเข้ามาแก้ Pain Point ให้กับลูกค้าได้
ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็คือการเปิดสินค้าใหม่จากค่ายสิงห์ คือ สิงห์เลมอนโซดา ที่ความน่าสนใจของการเปิดตัวสิงห์ เลมอนโซดา ไม่ได้อยู่ที่การเป็นสินค้าใหม่ในรอบหลายปีภายใต้ Umbrella ของแบรนด์สิงห์เท่านั้น แต่นี่ยังเป็นการขยับตัวที่เป็นการสร้างการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
อย่างที่รู้ๆ อยู่ว่า สิงห์เป็นผู้นำในตลาดโซดาที่มีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท โดยมีแชร์กว่า 90% ซึ่งการบริโภคส่วนใหญ่ของลูกค้าในตลาดนี้จะนำโซดาไปเป็นมิกเซอร์ผสมกับเหล้า การเติบโตของยอดขายของโซดาสิงห์ส่วนหนึ่งจึงต้องพึ่งพาการเติบโตของตลาดเหล้าด้วย
แม้สิงห์จะใช้ความพยายามในการสร้างรูปแบบการดื่มใหม่ๆ ของโซดาสิงห์ไม่ใช่แค่ผสมเหล้าเพียงอย่างเดียว แต่ก็เปลี่ยนการบริโภคได้ไม่มากนัก การสร้างการเติบโตใหม่ๆ จึงถูกวางมาที่การนำเสนอสินค้าตัวใหม่เข้าสู่ตลาด
สิงห์เลมอนโซดา นี้ เป็นการออกสินค้าใหม่ที่ “ถ่าง” ตัวเอง เข้ามาเล่นอยู่ตรงกลางระหว่างโซดา ที่มีมูลค่าตลาด 15,000 ล้านบาท กับตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 56,000 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถกินได้ทั้ง 2 ตลาด จะมีมูลค่ารวมกันถึง 71,000 ล้านบาทเลยทีเดียว