นอกจากนี้ เอพี ยังเตรียมแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ อีกจำนวน 21 โครงการ โดยเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7,970 ล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 13,330 ล้านบาท รวมครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเปิดตัว โครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท
ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ในครึ่งปีหลังเอพีมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ในแผนการส่งมอบ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท สถานะยอดขาย 94% พร้อมส่งมอบเดือน สิงหาคมนี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ยอดขาย 95% พร้อมส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน
บริษัทยังมีแบ็คล็อกคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้ไปในอีก 3 ปีข้างหน้า (จนถึงปี 2566) มูลค่ามากถึง 42,915 ล้านบาท ด้านโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย บริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้จะส่งผลให้ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนระยะสั้นชะลอการ ตัดสินใจลงทุน แต่ลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวก็ยังคงเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากกว่า การลงทุนในรูปแบบอื่น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้วิสัยทัศน์ของ EMPOWER LIVING ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกสามารถ สร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้น 15,085 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 14 โครงการ มูลค่า 15,500 ล้านบาท และจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการขายอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 70,000 ล้านบาท พร้อมประสบความ สำเร็จในการโอนกรรมสิทธิ์ LIFE ลาดพร้าว คอนโดมิเนียมร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ เริ่มทยอยส่งมอบเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา และเชื่อว่าดีมานด์คอนโดยังคงมีอยู่ ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น
“ปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ อย่างแรกเกิดจากการปรับตัวของเราเองที่มุ่งตอบสนองความต้องการของ ลูกค้า ยกตัวอย่างในช่วงโควิด เราก็สามารถทำให้ลูกค้าสามารถตรวจรับห้อง และสามารถพูดคุยกับฝ่ายขายได้โดยผ่าน ระบบออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี vTOUR สามารถพาชมโครงการออนไลน์แบบเรียลไทม์ หรือมีมาตรการอื่นๆ ที่นำเรื่องของ เทคโนโลยีเข้ามารองรับ ควบคู่ไปกับการทำโปรโมชั่นต่างๆ ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง มีการทำแคมเปญร่วมกับ Love is จึงเป็นผลตอบรับจากการที่เราทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง” วิทการ กล่าว