สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ Chief Marketing Officer Thailand บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง แผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่ม Confectionery เป็นหลัก โดยเฉพาะ “โบตัน” ที่อยากนำกลับมาทำตลาดอีกครั้ง พร้อมไปกับการพัฒนาช่องทางการทำตลาด
“โบตันเป็นลูกอมสมุนไพรที่อยู่ในตลาดมานานจึงมีความเก๋า เราอยากจะเป็น Vintage Hipster ซึ่งโบตันก็เป็น Vintage Hipster ดูเก๋า และดูเจ๋ง เพราะวันนี้คนรุ่นใหม่สนใจฟังแผ่นเสียง ถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์ม ดังนั้นเราก็น่าจะทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าโบตันเจ๋งได้เหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรให้แบรนด์สามารถใช้ Equity หรือ Core ของแบรนด์เองในการสร้างความรู้สึกว่า เท่ หรือคูล เป็นของเก่าที่ดูมีค่าได้อย่างไร”
โบตัน เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดมานานกว่า 80 ปี มีจุดขายหลักจากส่วนผสมของชะเอมเทศซึ่งเป็นสมุนไพร ตัวที่เป็นออริจินัลที่ทำตลาดมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจะเป็นแผ่น เรียกว่า “โบตันคลาสสิก” ส่วนในยุคหลังๆ ก็มีผลิตภัณฑ์ “Botan Mint Ball” ออกมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
สำหรับโบตันคลาสสิก หรือโบตันออริจินัล ในปีนี้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นแบบเม็ดบรรจุอยู่ในกล่องพกพารูปแบบตลับเหลือง และตลับขาว เพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้น พร้อมให้ “เบลล่า ราณี” เป็นพรีเซ็นเตอร์ หลังจากที่ไม่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยเน้นการสื่อสารผ่านโฆษณาบนช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้าง Brand Awareness กับคนรุ่นใหม่ และ Remind Brand กับคนที่เคยรู้จักโบตันมานานแล้ว ซึ่งเบลล่าเป็นนักแสดงสาวที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากละครย้อนยุค “บุพเพสันนิวาส” จึงมีภาพของความทันสมัย และการมีประวัติศาสตร์ความเป็นมารวมอยู่ด้วยกัน
โอสถสภายังมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ของโบตันให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายไปสู่ช่องทางการขายใหม่ๆ อาทิ คิง พาวเวอร์ โดยเน้นจับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวจีน ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบกล่องเหล็ก (บรรจุ 8 ซอง) สำหรับซื้อกลับไปเป็นของฝาก เนื่องจากโบตันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยและจีน อีกทั้งยังมีการออกเชตถุงผ้าเป็น Special Pack ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อทำตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซ
“โบตันแบบแผ่นยังมีกระบวนการผลิตในรูปแบบเดิมเหมือนเมื่อ 80 ปีก่อน มีราคาขายแผ่นละ 15 บาท เรามองว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์นี้สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นมาได้ จึงทดลองนำเกล็ดโบตันมาอัดเป็นเม็ด ส่วนรูปแบบแผ่นก็ทำบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อขายนักท่องเที่ยวจีน ในรูปแบบกล่องเหล็กบรรจุกล่องละ 8 แผ่น จำหน่ายในราคาประมาณ 200 บาท ทำให้สินค้ามีกำไร และสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้มากขึ้นด้วย” สุทิพา กล่าว