ในช่องทางโมเดิร์น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะมาจาก
1.Branding ที่แข็งแกร่ง จนสามารถผลักดันให้แบรนด์สินค้าของยูนิลีเวอร์ ถูกเลือกหยิบออกจากเชลฟ์เป็น แบรนด์แรกๆ ในแต่ละหมวด
2.เรื่องของ Branding กลายเป็นหัวใจสำคัญ เพราะบรรดาโมเดิร์นเทรด จะมีระบบบริหารจัดการสินค้าบนเชลฟ์ ที่เรียกว่า Space Management ซึ่งจะเลือกสินค้าที่ขายดีที่ขายดีที่สุดไม่เกิน 3 – 4 แบรนด์ บวกกับเฮ้าส์แบรนด์ของห้าง มาวางขายบนเชลฟ์ เนื่องจากมีพื้นที่บนเชลฟ์น้อย ทำให้สินค้าที่ขายไม่ดีถูกกำจัดออกไป
การขายผ่านโมเดิร์นเทรด จึงเกี่ยวข้องกับทั้งในเรื่องของการทำแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ การใช้มาร์เก็ตติ้งแทคติค ตลอดจนกลยุทธ์การตลาด ณ จุดขาย เพื่อผลักดันให้สินค้าของตัวเองขายดีติดอันดับ 1 ใน 3 เพื่อที่จะให้มีพื้นที่บนเชลฟ์ ในโมเดิร์นเทรด
3.ไม่เพียงแค่เรื่องของ Branding กลยุทธ์ ณ จุดขาย ก็มีผลต่อการสร้างแรงส่งในการขายสินค้า
สินค้าของค่ายยูนิลีเวอร์ คือตัวอย่างของการสร้างความสำเร็จในการขายผ่านช่องทางขายที่เป็นโมเดิร์นเทรด ยักษ์ใหญ่รายนี้ มีสินค้าในพอร์ตหลายแบรนด์ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาด อาทิ ลักส์ ซันซิล วาสลีน ซันไลต์ หรือคนอร์ เป็นต้น
นอกจากเชนโมเดิร์นเทรดแล้ว ช่องทางที่คาบเกี่ยวกันยังมีช่องทางการขายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต หรือซูเปอร์สโตร์ ท้องถิ่นที่เรียกว่า “โลคอล โมเดิร์นเทรด” ซึ่งส่วนใหญ่จะแปลงร่างจากยี่ปั๊วในระบบเดิมมาขายปลีกหน้าร้านผสมผสาน กันไปด้วย ยี่ปั๊วที่ขายทั้งขายส่ง และขายปลีกหน้าร้านก็มี อาทิ ตั้งงี่สุน อุดรธานี ที่เป็นท็อปยี่ปั๊วของประเทศ ยงสงวน อุบลราชธานี และ เค เค ซูเปอร์ค้าส่ง ของหาดใหญ่ เป็นต้น
การบาลานซ์ในส่วนนี้ กลยุทธ์รูปแบบหนึ่งที่นำมาใช้ก็คือ การทำเทรด มาร์เก็ตติ้ง ที่มีตั้งการให้รางวัลการขาย รวมถึงค่าโปรโมชั่นจากหัวเชลฟ์ กองโชว์ ที่จะเข้ามาเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการผลักดันสินค้าออกจากร้านค้า
ส่วนการขายผ่านร้านโชห่วยนั้น ยูนิลีเวอร์มีตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่าคอนเซสชั่นแนร์ กว่า 100 ราย แยกเป็น สินค้าไอศกรีมกว่า 100 ราย และสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์อีกกว่า 60 ราย โดยมีเซลส์ประจำหน่วยรถกระจายสินค้าที่ มีรอบการวนทริปเข้าร้านค้าสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ตามโลเกชั่น จากปัจจุบันมีร้านค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 364,000 ร้านค้า ยูนิลีเวอร์สามารถกระจายสินค้าเข้าไปยังร้านค้าเหล่านั้นได้ถึง 201,000 ร้าน ถือว่าเป็นเครือข่ายการ จัดจำหน่ายที่มากที่สุดในบรรดาผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ด้วยกัน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นอกจากการขายแล้ว ยูนิลีเวอร์ยังมีการสร้าง Engagement กับร้านค้าเหล่านั้นผ่านโครงการ ร้านค้าติดดาว โดยนำความรู้ในการบริหารจัดการร้านที่ยูนิลีเวอร์มีความเชี่ยวชาญ อาทิ การจัดวางสินค้า การทำโปรโมชั่น เข้าไปถ่ายทอดให้กับร้านข้างบ้านที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารค้าปลีกยุคใหม่
ยูนิลีเวอร์ มีการเข้าไปสำรวจชุมชนรอบข้างร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการถึงความต้องการ ตลอดจนรูปแบบการใช้ สินค้าเพื่อให้ร้านค้าปลีกเหล่านั้นสามารถเลือกขายสินค้าได้ตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้สินค้ามีการหมุนเวียนที่ เร็วขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุดจะตามมาด้วยการควบคุมต้นทุน และความสามารถในการสร้างกำไร ล่าสุดมีเครือข่ายร้านโชวห่วย ที่ร่วมโครงการ 10,046 ร้าน ทั่วประเทศ และจะเพิ่มเป็น 20,000 ร้านภายในปี 2020