กลยุทธ์นี้ยังเป็นการเข้าถึงกลุ่มคนที่อยากได้แอร์ แต่ไม่อยากจ่ายเงินก้อน ซึ่งการทำตลาดในรูปแบบ “แอร์เติมเงิน” นี้ จะแตกต่างจากการทำแอร์เงินผ่อนอย่างชัดเจน เพราะลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินค่างวดในการผ่อนชำระ แต่จ่ายเป็นค่าเช่าแทน โดยคิดค่าเช่าชั่วโมงละ 4 บาท ซึ่งหากเปิดแอร์เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง ใน 1 เดือน จะจ่ายเงินค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 600 บาท โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของการซ่อมบำรุง หากเกิดปัญหา เพราะไฮเออร์จะเป็นคนจัดการให้
ส่วนรูปแบบการเช่านั้น ลูกค้าจะต้องโหลดแอพพลิเคชั่นก่อน พร้อมกับเติมเงินผ่านมือถือที่จะถูกใช้เป็นรีโมทในการเปิด – ปิด แอร์ เมื่อเงินที่เติมหมดลง จะไม่สามารถใช้งานได้
แม้จะมีการเปรียบเทียบให้เห็นราคาที่ต้องจ่ายจริงทั้งหมด หากมีการใช้ครบ 5,200 ชั่วโมงกับการซื้อแอร์เงินสดหรือผ่อนว่า การเช่ามีราคาสูงกว่า โดยเอา 5,200 x 4 = 20,800 บาท จากราคาขายที่จัดโปรโมชั่นกันอยู่ของแอร์รุ่นนี้ที่ประมาณ 12,000 บาท นั่นหมายความว่า ราคาแอร์ในแคมเปญนี้ “แพงกว่า” ราคาปกติถึงกว่า 8,000 กว่าบาท แต่เชื่อว่า ลูกค้าที่มีความต้องการใช้จริงๆ และมีกำลังซื้อไม่พอ จะไม่ได้มองหรือเปรียบเทียบในเรื่องที่ว่านี้เท่าไรนัก
การรุกตลาดในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นภาพการทำตลาดของไฮเออร์ในบ้านเราได้เป็นอย่างดีว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์จีนรายนี้ พยายามที่จะสร้างโอกาสการเติบโตของยอดขายผ่านกลยุทธ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไฮเออร์เอง มีการให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งผ่านช่องทางขายต่างๆ ที่จะเป็นตัวช่วยผลักดันสินค้าเข้าสู่ครัวเรือนของผู้บริโภค โดยจะมีการจับมืออย่างแนบแน่นกับดีลเลอร์เพื่อทำตลาดร่วมกัน
เป็นอีก 1 วิธีการในการพลิกกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น.....