สิ่งที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่คาดหวังจากการซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงของหัวเว่ยคือกล้องขั้นเทพและเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพที่จะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนจากมือสมัครเล่นกลายเป็นมือโปรได้ราวปาฏิหาริย์ สำหรับสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series Pro+ เชื่อขนมกินได้ตั้งแต่ชื่อตระกูล P Series และจากที่เห็นศักยภาพของ HUAWEI P40 Pro ในหลายๆ แคมเปญ เราก็เดาได้ทันทีว่ารุ่นท็อปแบบ HUAWEI P40 Pro+ ต้องเหนือขึ้นไปอีกขั้น โดยคราวนี้มาพร้อมระบบกล้องหลัง 5 ตัว Ultra Vision Leica Penta Camera พ่วงกล้องหน้าเซลฟี่คุณภาพถึง 2 ตัว โดยกล้องหลังนอกจากจะมีกล้องเลนส์กว้าง เลนส์กว้างพิเศษ และเลนส์เก็บระยะ (ToF 3D) แล้ว ยังมีเลนส์ซูมถึง 2 ตัว ซึ่งให้ระยะการซูมแบบออพติคัลที่ต่างกัน คือ 3 เท่าและ 10 เท่า โดยสามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 100 เท่า ให้ภาพและวิดีโอที่รายละเอียดคมชัดในทุกมิติ เมื่อรวมกับเทคโนโลยี XD Fusion Image Engine ที่ช่วยให้ผู้ใช้เก็บทุกจังหวะความประทับใจได้แบบไม่มีพลาด และ AI Golden SnapTM ที่ช่วยขจัดปัญหาขั้นพื้นฐานของการถ่ายภาพที่พบได้บ่อยแบบอัตโนมัติ
แม้ HUAWEI Mate Xs จะไม่ได้เป็นที่จับตามองในแง่ของฟังก์ชันการถ่ายภาพ แต่นี่คือมาตรฐานที่หัวเว่ยตั้งไว้ให้สำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแบรนด์ ที่ต้องมีฟังก์ชันการถ่ายภาพ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวยืนพื้น HUAWEI Mate Xs มีระบบกล้อง Leica Quad Camera กล้องทั้ง 4 ตัวนั้นก็ครบถ้วนไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนตระกูล P มีทั้งกล้องเลนส์กว้าง เลนส์กว้างพิเศษ เลนส์เก็บระยะ และเลนส์ซูม ทำให้สามารถเก็บภาพได้สวยสมบูรณ์แบบทุกระยะและสภาพแสงด้วยเซ็นเซอร์และเทคโนโลยีภายในแบบเดียวกัน
ประมวลผลฉับไว ใช้ 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกเครือข่ายอย่างแท้จริง
ความสามารถในการรองรับเครือข่ายความเร็วสูงระดับ 5G นับเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานใหม่ ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนพรีเมียมของหัวเว่ยสามารถคาดหวังได้จากแบรนด์ โดยทั้ง HUAWEI P40 Pro+ และ HUAWEI Mate Xs ต่างบรรจุและขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Kirin 990 5G SoC ที่รวมเอาโมเด็มเข้าไว้กับโปรเซสเซอร์ ลดการเดินทางของข้อมูลและพลังงานระหว่างโมเด็มไปยังโปรเซสเซอร์ จึงทำให้การประมวลผลต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วฉับไว ทั้งยังประหยัดพลังงาน ทำให้เครื่องร้อนช้าแม้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพความเร็วระดับ 5G ไม่ว่าจะดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือสตรีมเกมออนไลน์ เกมส์บนคลาวด์ ก็ไม่หน่วงและไม่ทำให้เครื่องร้อนไวจนต้องพัก โดย HUAWEI P40 Pro+ รองรับ 5G ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด อีกหนึ่งข้อแตกต่างคือความสามารถในการรองรับเครือข่าย 5G ของหัวเว่ยนั้น ครอบคลุมทุกย่านความถี่ที่ให้บริการในไทย จึงทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ 5G ได้ทุกระบบเครือข่าย การันตีด้วยการถูกเลือกใช้เป็นอุปกรณ์ทดสอบความเร็ว 5G ของเครือข่ายโทรศัพท์
ชาร์จไว ให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไร้สะดุด