ในขณะที่เรากำลังจะใช้ชีวิตผ่านครึ่งปีแรกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เทรนด์พฤติกรรมและความคาดหวังใหม่ๆ ของผู้บริโภคหลายอย่างได้ถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น วันเดอร์แมน ธอมสัน อินเทลลิเจนซ์ (Wunderman Thompson Intelligence)นำเสนอรายงานฉบับต่อเนื่องจาก “The Future 100”ที่เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ ภายใต้ชื่อ “The Future 100 2.0.20” โดยนำเสนอเทรนด์ 20 เทรนด์จาก The Future 100ที่ถูกโควิด-19 กระตุ้นให้เกิดเร็วขึ้น พร้อม 5 เทรนด์ใหม่ที่ไม่มีอยู่ในรายงานฉบับเดิมเพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถวางแผนและเตรียมตัวรับมือกับผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที และดำเนินธุรกิจแบบชีวิตวิถีใหม่ได้อย่างราบรื่น
มัวรีน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ในขณะที่เรากำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง สิ่งที่เรียกกว่าชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดูปกติเท่าไร ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา วันเดอร์แมน ธอมสัน อินเทลลิเจนซ์ ได้เผยแพร่รายงาน Future 100 ซึ่งเทรนด์หลายอย่างจากรายงานฉบับนั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะเป็นไปเช่นเดิม แต่หลายเทรนด์ได้ถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้นด้วยผลของโควิด-19สำหรับรายงาน The Future 100 ฉบับ 2.0.20 นี้ เราได้เลือกเอา 5 เทรนด์หลักที่สรุปความผันแปรสำคัญในด้านพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภค ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์และสามารถใช้เป็นแนวทางว่าแบรนด์ควรจะวางแผนและตอบสนองอย่างไร เราหวังว่าการศึกษาครั้งนี้จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทต่างๆ ตอบสนองอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและพฤติกรรมในชีวิตวิถีใหม่”
5 เทรนด์ที่ควรจับตามอง ได้แก่ ความคาดหวังต่อบริษัทที่ดีของผู้บริโภค, ความต้องการเทคโนโลยีและทุกสิ่งเพื่อปกป้องตนเอง, ความแปรเปลี่ยนในเรื่องสุขภาพและสุขภาวะที่ดี, โลกเสมือนที่จะเกิดขึ้นกับทุกสิ่ง, และมุมมองใหม่เกี่ยวกับชุมชนและวัตถุนิยม
1. ความคาดหวังต่อ “บริษัทที่ดี”
ผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าแบรนด์ต่างๆ ควรจะร่วมกันแสดงบทบาทในเชิงรุกอย่างจริงจัง โดยการทำประโยชน์เพื่อโลกและผู้คนในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ซึ่งพบว่าผู้บริโภคกว่า 90% ระบุว่าแบรนด์มีหน้าที่รับผิดชอบในการร่วมดูแลโลกและผู้คนให้มากขึ้น และกว่า 71% มีทัศนคติที่สอดคล้องกันว่า หากแบรนด์ใดเห็นผลกำไรสำคัญกว่าผู้คนแล้ว ผู้บริโภคจะสูญเสียความเชื่อถือที่มีต่อแบรนด์นั้นๆ ตลอดไป ซึ่งจะเห็นว่าองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเริ่มยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรให้มีความสำคัญอยู่เหนือผลกำไร โดย PoojMorjariaผู้ก่อตั้ง Did They Help? เว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และคนดังที่มีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมในช่วงวิกฤติโควิด-19 คาดการณ์ว่าในอนาคตกระแสของการบริโภคอย่างมีจริยธรรมจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคจะศึกษาหาข้อมูลมากขึ้นในการตัดสินใจว่าจะใช้เงินเพื่อซื้ออะไรจากใคร ซึ่งอาจเป็นการอ้างอิงข้อมูลที่สะท้อนค่านิยมของแบรนด์ต่างๆ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งดีๆที่แบรนด์เหล่านั้นทำ
2. เทคโนโลยีและทุกสิ่งเพื่อการปกป้องตนเอง
ผู้คนจะคาดหวังให้ทุกสิ่งยังรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัยและการป้องกันต่างๆ ไว้ในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่องแม้ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตสามารถปกป้องตนเองจากเชื้อไวรัส เชื้อโรค และมลภาวะซึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ควรให้ความสำคัญอย่างสูงในเรื่องการปกป้องผู้บริโภค ทั้งในเรื่องอาหาร การเดินทาง การสัญจร การค้าปลีก ช้อปปิ้ง บ้าน หรือที่ทำงาน โดยพบว่าผู้บริโภคในประเทศจีนต้องการซื้อรถยนต์มากขึ้นเพราะรู้สึกว่าการใช้พาหนะส่วนตัวปลอดภัยกว่า Geelyซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ในจีนจึงได้เริ่มใช้การส่งมอบกุญแจแก่ผู้ซื้อในแบบไร้การสัมผัสโดยใช้โดรน นอกจากนี้ Icon ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัท ยังมีระบบฟอกอากาศอัจฉริยะที่บริษัทบอกว่าสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้ นอกจากนี้ยังดีไซน์สตูดิโอแห่งหนึ่งได้ริเริ่มโครงการ Create Cures Project ขึ้นในกรุงปักกิ่ง โดยเชิญให้นักออกแบบได้ร่วม “ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสาธารณสุขด้วยวิถีของนักออกแบบ” ซึ่งแนวคิดที่นำเสนอมีทั้งหลอดไฟฆ่าเชื้อโรคที่ใช้แสงอัลตร้าไวโอเลตฆ่าเชื้อโรคบนวัตถุได้ในเวลาเพียง 60วินาที และ DIY Safe Capsule ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัย ที่ประกอบขี้นเองได้ง่ายๆ ดังนั้นแบรนด์ต้องเริ่มพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ในระยะยาวเพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นของผู้บริโภคในการปกป้องตนเองและรักษาสุขอนามัยขั้นสูง