สู้ COVID-19 ด้วยรายได้เสริมที่มาจากงานพาร์ทไทม์
• ด้วยลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่น สามารถเลือกช่วงเวลาที่รับงานได้ตามความสะดวกของตนเอง ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชันแกร็บในการหารายได้เสริม โดยมีพาร์ทเนอร์แกร็บมากถึง 71% ที่เลือกรับงานแบบพาร์ทไทม์ (Part-time) คือมีระยะเวลาในการให้บริการน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ 29% ของพาร์ทเนอร์ตั้งใจใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างแกร็บเป็นช่องทางในการหารายได้หลักโดยรับงาน 8 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป โดยกลุ่มนี้รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่ ซึ่งส่วนใหญ่ขับรถรับจ้างเป็นอาชีพอยู่แล้ว
• เมื่อเจาะลึกไปที่ระยะเวลา หรือจำนวนปีที่พาร์ทเนอร์เหล่านี้ให้บริการ พบว่ามีพาร์ทเนอร์ 2.5% ที่ถือเป็นแกร็บรุ่นบุกเบิกที่อยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บมายาวนานกว่า 5 ปี ขณะที่พาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่ให้บริการไม่เกิน 3 ปีเป็นช่วงเดียวกับที่แกร็บได้เริ่มบุกตลาดการจัดส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) อย่างจริงจัง แบ่งเป็นกลุ่มที่เป็นพาร์ทเนอร์มาแล้ว 1 - 3 ปี จำนวน 26.5% และ 6 เดือน – 1 ปีจำนวน 19% แต่ที่ถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดถึงกว่า 44% นั้น คือกลุ่มที่เพิ่งสมัครเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บน้อยกว่า 6 เดือน
โดยพาร์ทเนอร์กลุ่มนี้ รวมถึงกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤตโควิด-19 อย่างพนักงานประจำที่ต้องพักงานหรือถูกลดเงินเดือน จึงเข้ามาสมัครเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บเพื่อหารายได้เสริม โดยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมที่ผ่านมา แกร็บได้เปิดรับพาร์ทเนอร์ผู้จัดส่งอาหารแล้วกว่า 29,000 อัตราเพื่อเปิดโอกาสในการสร้างรายได้เสริมให้กับคนไทยในภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ
• ปัจจุบัน บริการของแกร็บครอบคลุมใน 26 จังหวัดทั่วประเทศ แต่สำหรับ 5 จังหวัดที่มีจำนวนพาร์ทเนอร์แกร็บมากที่สุดยังคงเป็นเมืองใหญ่ของทุกภูมิภาค และเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และนครราชสีมา