ดร. กำพล กล่าวเสริมว่า ตลาดสำคัญมีการขยายตัว โดยการส่งออกไปสหรัฐ ไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวกับอาวุธ ขยายตัวถึง 19.5%YOY การส่งออกไปสหรัฐ โดยรวมขยายตัวถึง 42.9%YOY ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งคืนยานพาหนะ และอาวุธซ้อมรบกลับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม แม้หักรายการสินค้าดังกล่าวออก การส่งออกไปสหรัฐยังคงขยายตัว 19.5%YOY การขยายตัวมาจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์, อุปกรณ์กึ่งตัวนำ และข้าว
•การส่งออกไปตลาดอาเซียน 5 ขยายตัว 6.8%YOY โดยสินค้าสำคัญขยายตัวคือ อากาศยานและส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
•การส่งออกไปตลาด CLMV ขยายตัวที่ 2.9%YOY สินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ และน้ำตาลทราย
ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าพลิกกลับมาขยายตัวสูงที่ 7.3%YOY สินค้าสำคัญที่มีการกลับมาขยายตัว หลังจาก หดตัวในเดือนก่อนหน้าได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง (9.0%YOY) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปขยายตัวสูงที่ 10.0%YOY และ 16.8%YOY ตามลำดับ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปขยายตัวสูงที่ 12.0%YOY โดยส่วนใหญ่มาจาก การนำเข้าธัญพืชที่ขยายตัว 288.2%YOY และการนำเข้าเคมีภัณฑ์ที่ขยายตัว 7.7%YOY อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้า อุปโภคบริโภคและสินค้าทุนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -4.9%YOY และ -5.5%YOY ตามลำดับ ทั้งนี้การนำเข้าใน ไตรมาสแรกของปีหดตัวที่ -1.9%YOY
EIC คงคาดการณ์มูลค่าส่งออกปี 2020 ที่ -12.9% จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรง และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยล่าสุด ทั้งโลกมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 2.4 ล้านคน และมีการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว ในหลายประเทศสำคัญทั่วโลก จึงเป็นที่มาของมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ส่งผลต่อการหยุดชะงัก (Sudden Stop) ของระบบเศรษฐกิจในหลายประเทศ
ดังนั้น เศรษฐกิจโลกในปี 2563 จึงมีแนวโน้มได้รับผลกระทบหนักต่อการระบาด COVID-19 จากรายงาน ล่าสุดของ IMF WEO รอบเดือนเมษายน IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2563 จะหดตัวกว่า -3% (รูปที่ 3) ถือเป็นอัตรา หดตัวมากสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติ Great Depression ในปี 1930-1939 เป็นต้นมา