เถ้าแก่และเจ้าหนี้ต้องใจดีกันทั้งคู่
แต่ “โครงการเถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” โดยธนาคารกสิกรไทย จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากองค์ประกอบใน 2 ส่วนด้วยกัน นั่นคือ เถ้าแก่ หรือผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกหนี้ของธนาคาร และธนาคารกสิกรไทยในฐานะเจ้าหนี้ จะต้อง ยอมเสียสละเฉือนเนื้อตัวเองกันทั้ง 2 ฝ่าย พูดง่ายๆ ว่าจะต้องมีเถ้าแก่ใจดีมีคุณธรรม และเจ้าหนี้ต้องมีกำลังมากพอ
“2 ฝ่ายจำเป็นต้องสั่งสมทุนไว้ขั้นหนึ่งแล้ว คือ ยอมตัดกำไรส่วนหนึ่งไปเลยเพื่อรักษาชีวิตพนักงาน อย่างธุรกิจ โรงแรมก็เลือกที่จะเก็บพนักงานไว้ เพื่อให้เขามีเงินไปเลี้ยงชีวิต แทนที่จะทำไปตามครรลองปกติ ด้วยการปลดพนักงาน”
ทั้งนี้กลไกสำคัญอยู่ที่การยอมเฉือนเนื้อกันคนละครึ่ง กล่าวคือ ธนาคารในฐานะเจ้าหนี้จะตัดดอกเบี้ยตาม สัญญาเงินกู้ออกครึ่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 6 เดือน ในขณะที่เถ้าแก่หรือผู้ประกอบการโรงแรมในฐานะลูกหนี้ ยอมตัดรายได้ อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อเก็บรักษาคนที่อยู่ล่างสุดของระบบเอาไว้
เปิดตัว 2 เถ้าแก่ใจดีร่วมกู้วิกฤต
เถ้าแก่ใจดีที่ร่วมสร้างปรากฏการณ์ในครั้งนี้ ก็คือ สมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือ กะตะธานี และประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ซึ่งทั้ง 2 รู้จักกับ “บัณฑูร” มานาน 30 กว่าปี และเป็นฝ่ายที่ตอบรับข้อเสนอทันที หลังบัณฑูร ติดต่อไป
“ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง เพราะประเทศที่อาการหนักเกิดขึ้นที่ยุโรป ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของเราทั้งแถบเลย เราเล็งเห็นแล้วว่าต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 1-2 ปี ที่จะฟื้นตัวได้ ช่วงแรกเราเครียดว่าจะจัดการกระแสเงินสดยังไง เพราะเราไม่ต้องการปล่อยลูกน้อง พอคุณบัณฑูร ติดต่อเสนอมาว่าจะดูแลเรื่องซอฟต์โลนส่วนหนึ่ง และให้เราดูแล พนักงานส่วนหนึ่ง ผมขนลุกเลย แสดงให้เห็นถึงคุณธรรม เพราะแบงก์อื่นจะไม่พูดถึงพนักงานระดับล่างหรอก ผมโล่งเลย เพราะถ้ากสิกรไทยไม่เข้ามา แล้วเหตุการณ์ยืดยาวต่อไปคงต้องเกิดปัญหาแน่นอน ผมคิดว่าในช่วง 1 ปีถึง 1 ครึ่งต่อไป จากนี้ เราพยายามรักษาพนักงานให้เขาเดือดร้อนน้อยที่สุด” ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป
“โครงการนี้แบงก์ต้องมีความคิดที่จะช่วยลูกค้า ส่วนลูกค้าก็ต้องมีความพร้อมที่จะช่วยตัวเองก่อน ผมคิดว่า วิกฤตนี้ยากมากกว่าครั้งไหน เพราะมันเกิดขึ้นทั่วโลกๆ จึงฟื้นตัวได้ช้า เรามีการคุยกับผู้ประกอบการ หลายคนสับสน รอคอยว่ารัฐฯ จะช่วยยังไง และตัวเองมีเงินทุนสำรองเพื่อต่อสู้กับวิกฤตนี้ได้นานแค่ไหน สำหรับ กะตะกรุ๊ป มีโรงแรม ในเครือ 3 แห่ง คือ ภูเก็ต เชียงราย และพังงา รวมพนักงาน 1,800 คน แต่เรามีปรัชญาการจัดการที่ให้ความสำคัญกับ พนักงานอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทำใจว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะกลับมาทันที อาจต้องใช้ เวลานาน 6 เดือน หากปีหน้าไม่มีกำไร ก็ต้องทำใจ” สมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือ กะตะธานี