“ปัจจุบันคนไทยบริโภคนม 18 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเดียวกัน เพื่อรณรงค์ให้คนไทยบริโภคนมเพิ่มมากขึ้น โมเดลของร้านไทย-เดนมาร์ค Milk Shop และร้านไทย-เดนมาร์ค Milk Land จึงเป็นตัวกระตุ้นการบริโภคที่ดีอีกทางหนึ่ง การเปิดโมเดลร้านใหม่ๆ ยังช่วยส่ง Message ของการเป็นแบรนด์นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง เพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคถึงประโยชน์ของนมโคสดแท้ 100% และยังสนับสนุนน้ำนมโคที่ได้รับซื้อจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยไปพร้อมกัน”
จะเห็นได้ว่าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา (แผนวิสาหกิจ 5 ปี 2560-2564) ถูกดำเนินไปไม่ถึง 4 ปี ก็ได้ทำให้ยอดขายไทย-เดนมาร์ค ตีตื้นจนแซงโค้งกลายเป็นผู้นำตลาด โดยยอดขายปีที่แล้วทะลุถึง 10,000 ล้านบาท รวมถึงการขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากเวทีต่างๆ รวมถึง Thailand’s Most Admired Brand 2020
“ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราบรรลุเป้าประสบความสำเร็จได้เร็วกว่ากำหนด เกิดจากการร่วมมือร่วมใจของคนทั้งองค์กรอีกด้วย ที่ผ่านมาเราได้มีการจัดการบริหารเรื่องคน ทั้งการเพิ่มบุคลากร และพนักงานรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเยอะมาก และมีแผนพัฒนาบุคลากรอย่างชัดเจน ที่สำคัญเรามีการปรับโครงสร้างองค์กรโดยเพิ่มแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมาใหม่ เพื่อเกิดความคล่องตัวในการปิดบัญชีและงบการเงินได้อย่างรวดเร็ว และยังส่งทีมไอทีไปอยู่ตามสำนักงาน อ.ส.ค. ในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเชื่อมเครือข่ายการทำงานระหว่างสำนักงานใหญ่และโรงงาน และยังนำดาต้ามาวิเคราะห์เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการตัดสินใจให้กับผู้บริหารนอกจากนี้ยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดการมีส่วนร่วม สร้างค่านิยมการทำงานให้เป็นองค์กรแห่งความสุขส่งเสริมและยกระดับความรู้ด้วยคุณภาพระดับมืออาชีพ ดังนั้นการขับเคลื่อนต่างๆ จึงมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกคนก็รู้หน้าที่ ส่วนผู้บริหารก็ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ”
เพื่อให้ อ.ส.ค. เป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้อุตสาหกรรมโคนม และยกระดับบริหารจัดการรองรับการแข่งขันในอนาคต ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ยังได้วางรากฐานการทำงานจากต้นน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสินค้า โดยส่งเสริมกิจการโคนมให้ฟาร์มของเกษตรกรมีคุณภาพมาตรฐานผ่านการสร้างกลุ่มเครือข่ายนักส่งเสริมที่ทำงานร่วมกับเกษตรกรและสหกรณ์ในชุมชน และมีแผนเปิดตัว Dairy Academy เพื่อผลักดันให้อ.ส.ค. เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรมโคนมในประเทศไทยและในภูมิภาคเขตร้อน
“เรากำลังทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อผลิตบุคลากรเข้าไปสนับสนุนเกษตรกรให้ผลิตน้ำนมโคได้มีคุณภาพมากกว่าเดิมในต้นทุนที่ต่ำลงเพิ่มโอกาสและสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่ง ซึ่งเรื่องนี้จะสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรที่มีอาชีพเลี้ยงโคนม เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคตที่จะรุนแรงมากกว่าเดิม หลังFTA มีข้อกำหนดที่จะไม่เก็บภาษีนำเข้านมจากต่างประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า”
เมื่อถึงเวลานั้นไทย-เดนมาร์ค ในฐานะนมแห่งชาติก็จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นต่ออุตสาหกรรมโคนมของประเทศไทย