ดร.กมลมาลย์ ยังมองว่า หลังจากเทคโนโลยี 5G เปิดใช้งานเชิงพาณิชย์แล้ว ภาพรวมตลาดจะคึกคักมากยิ่งขึ้น ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ การแข่งขันจะโฟกัสไปที่การนำเสนอแพ็กเกจการให้บริการจะยังคงเข้มข้นต่อเนื่อง ขณะที่การแข่งขันด้านราคามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้บริการหันมาใช้ระบบ 5G การนำเสนอการให้บริการในไทยคาดว่าจะมีรูปแบบการให้บริการใกล้เคียงกับ MNO ในประเทศที่เปิดให้บริการ 5G แล้ว อย่างสหรัฐฯ จีน และเกาหลีใต้ ที่เน้นการนำเสนอการให้บริการที่หลากหลาย เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก จากการขยายเครือข่าย 4G/5G ให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตทั้งในรูปแบบของการให้บริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ผ่านสมาร์ทโฟน และการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายประจำที่ (Fixed Wireless Board Band)
สิ่งสำคัญ คือ การสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งด้วยแพ็กเกจบริการใหม่รองรับคอนเทนท์เพื่อการบันเทิงจะเริ่มทยอยออกมาให้เห็นมากยิ่งขึ้น เช่น แพ็กเกจรับชมการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตหรือกีฬาที่มีความคมชัดสูง (Streaming UHD) แพ็กเกจพิเศษสำหรับเล่นเกมผ่านระบบคลาวด์ (Cloud Gaming) แอปพลิเคชันการจำลองภาพเสมือนจริง (Virtual Reality/Augmented Reality Content) เป็นต้น
“การกำหนดอัตราค่าบริการ 5G ในระยะเริ่มต้นมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าบริการในระบบ 4G เมื่อพิจารณาราคาต่อกิกะไบต์ คาดว่า MNO แต่ละรายจะงัดกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเดิมในระบบ 4G เข้ามาในระบบ 5G มากขึ้น จากการเพิ่มบริการเสริมพ่วงบริการ 5G ให้ผู้ใช้บริการแพ็กเกจ 4G ปัจจุบันได้ทดลองใช้งานฟรี หรือเปลี่ยนจากระบบเติมเงินมาเป็นระบบรายเดือน รวมถึงดึงดูดผู้ใช้บริการใหม่ตัดสินใจย้ายค่ายง่ายขึ้น”
ท้ายที่สุด ผู้บริโภคจะได้รับอานิสงส์จากการได้รับบริการที่หลากหลายในราคาที่เข้าถึงได้ ตัวอย่างเช่น อัตราค่าบริการ 5G ในเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นราว 1,615 บาทต่อเดือน ต่ำกว่าค่าบริการรายเดือนในระบบ 4G ปัจจุบันราว 5% จากการกำหนดอัตราค่าบริการที่ไม่สูงมากส่งผลให้ผู้ใช้บริการในระบบ 5G ในเกาหลีใต้มีมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย ใน 7 เดือนหลังจากเปิดให้บริการ 5G ในเดือนเมษายน 2019 หรือประมาณ 3% ของจำนวนเลขหมายทั้งหมดส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหมายเลขต่อเดือน (ARPU) เพิ่มสูงขึ้นราว 2%YOY และคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการในระบบ 5G จะแตะ 7 ล้านเลขหมาย หรือราว 10% ของจำนวนเลขหมายทั้งหมดภายในสิ้นปี 2020
ด้วยความพร้อมของโครงสร้างโทรคมนาคมพื้นฐาน และการนำเสนอการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการจะช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาเทคโนโลยี 5G เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต หลังจากเทคโนโลยี 5G เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ การใช้งานด้านข้อมูลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมือง พื้นที่ EEC และพื้นที่อยู่ระหว่างการพัฒนา smart city จะส่งผลต่อการรองรับการรับ-ส่งข้อมูล (data traffic) ดังนั้น ความพร้อมด้านโครงสร้างโทรคมนาคมพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการขยายโครงข่ายโทรคมนาคม การเพิ่มสถานีฐาน และอุปกรณ์รับสัญญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพ
รวมถึงการให้บริการทั้งในด้านความเร็วในการ download/upload ข้อมูลและความเสถียรในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนำมาสู่ความต้องการคลื่นความถี่ที่เพิ่มมากขึ้น โดยหน่วยงานกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ในหลายประเทศมีแผนในการจัดสรรคลื่นความถี่เพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้งานข้อมูลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเกาหลีใต้ วางแผนที่จะจัดสรรคลื่นความถี่เพิ่มอีกกว่า 2,640 MHz ภายในปี 2026 ขณะที่ กสทช. มีแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ย่านกลาง 3.4GHz – 3.7GHz หรือย่าน c-band ในช่วงปี 2021 ปัจจุบันยังติดสัมปทานดาวเทียมไทยคม และกิจการไมโครโฟนไร้สายที่จะสิ้นสุดสัมปทานปลายปี 2021
นอกจากนี้ การนำเสนอการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้ข้อมูลอย่างแท้จริงทั้งในส่วนของผู้ใช้บริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้ใช้บริการในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการนำเสนอการให้บริการที่สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาประเทศถือเป็นอีกหนึ่งกลไกในการผลักดันให้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
ยกตัวอย่าง เกาหลีใต้ KT Telecom ให้บริการเทคโนโลยี 5G กับบริษัทต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Hyundai Heavy Industries สำหรับระบบการผลิตอัตโนมัติแบบครบวงจร ได้แก่ AR สำหรับการทำงานในระยะไกล (remote working), การเชื่อมโยงหุ่นยนต์การผลิต (connected robot) รวมทั้งระบบกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อยกระดับโรงงานการผลิตให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ (smart factory) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 40% ทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ Industry 4.0 ของรัฐบาลเกาหลีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กระบวนการเรียกคืนคลื่นความถี่ถือเป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป เนื่องจากแผนการปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ (Spectrum Reframing Roadmap) ของ กสทช. มีเพียงคลื่น 2600MHz และ 26GHz ที่สามารถให้บริการ 5G ได้ในเดือนมีนาคม 2020 ขณะที่คลื่น 700MHz ยังอยู่ระหว่างกระบวนการเรียกคืนจากกิจการโทรทัศน์ (ทีวีดิจิทัล) ที่จะเริ่มใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2020 และกิจการไมโครโฟน ประเภทไมโครโฟนไร้สาย (Wireless Microphone) คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2021