หลังจากนั้น เมื่อกระแสของเพลงติดหู เนสกาแฟยังมีกิจกรรมน่ารักๆ มาเอาใจคอโซเชียล ทั้งเปิดให้ดาวน์โหลดฟิลเตอร์มาสคอตสุดกวนที่เห็นในสื่อภาพยนตร์โฆษณามาเพิ่มสีสันให้รูปถ่ายบนอินสตาแกรม รวมทั้ง GIF สติกเกอร์จากเนสกาแฟ ลาเต้ ตลอดจนกิจกรรมแดนซ์ ชาเลนจ์ ซึ่งเป็นการทำแบบครบ 360 องศาของการใช้มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง โดยเน้นไปที่การทำสื่อแต่ละตัวออกมาแบบงานคราฟท์ที่มีการปล่อยออกมาทีละสเตปจนสามารถเชื่อมต่อความน่าสนใจออก มาได้ทั้งแคมเปญ
“เราไม่ได้แค่มองหาแบรนด์แอมบาสเดอร์ขวัญใจวัยรุ่น แต่เราทำงานร่วมกับนาดาว บางกอกในแคมเปญเปิดตัว “เนสกาแฟ ลาเต้” อย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่การแต่งเพลง เลือกสรรแนวเพลง และเนื้อเพลง ตลอดจนการวางแผนการตลาดเพื่อโปรโมทเพลงและมิวสิกวิดีโอผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ รวมทั้งภาพยนตร์โฆษณา” นาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่(ไทย) จำกัด กล่าว
เธอยังบอกอีกว่า การสื่อสารแบรนด์ของเนสกาแฟจะเน้นไปที่การสร้างเอนเกจเม้นต์กับผู้บริโภคทั้งในและนอกบ้าน เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้สื่อและรูปแบบคอนเทนต์จึงต้องเหมาะสมกับตัวผู้บริโภค โดยมองว่า การเอนเกจที่ดีนั้นจะเข้ามาช่วยให้แบรนด์เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สิ่งที่น่าสนใจของการทำมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง ของเนสกาแฟก็คือ มีการนำแนวคิดใหม่ๆ มาใช้ โดยนาริฐา มองว่า การทำมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง แคมเปญที่ดี และนำไปสู่ความสำเร็จคือบรรลุเป้าหมายได้นั้น ต้องประกอบไปด้วย
1.เลือกพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามาทำร่วมกันให้ถูก โดยเปลี่ยนมุมมองใหม่กับพาร์ทเนอร์ที่เลือกมาว่า ไม่ใช่แค่เป็นเอเยนซีกับลูกค้า แต่เป็นการ Co - Creation ในการคิด และลงมือทำร่วมกัน อย่างในครั้งนี้ นาดาว บางกอก มีส่วนร่วมในการวางแผน เลือกพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงการวางแนวคอนเทนต์ว่าจะออกมาแบบไหนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการทำแคมเปญ นั่นคือ นอกจากการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ยังต้องดึงให้กลุ่มวัยรุ่นได้เข้ามาทดลองดื่มอีกด้วย